งานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่กำลังครึกครื้น อยู่ ๆ ญาติคนหนึ่งกระซิบประโยคเดียว ทำเอาฉันทั้งโกรธจนหน้าเขียว ทั้งร้อนใจไม่เป็นสุข

คำพูดของคนเราแม้จะปลิวหายไปตามลม แต่บาดแผลในใจก็ยังคงอยู่ ทำให้ความสุขไม่อาจสมบูรณ์ได้เลย…

สามีภรรยาเราแต่งงานกันมาเกือบสิบปีแล้ว สิบปีนั้นเป็นเส้นทางชีวิตที่ต้อง “ลำบากตรากตรำ” ตั้งแต่การเช่าห้องเล็กอับชื้นขนาดเพียงราว 15 ตารางเมตร ไปจนถึงช่วงเวลาที่ต้องทำโอทีแทบทุกวันเพื่อเก็บเงินทีละน้อย ความฝันเรื่องบ้านหลังใหญ่ เป็นที่ที่ลูก ๆ มีห้องส่วนตัวไว้เรียนหนังสือ และฉันมีครัวกว้าง ๆ เป็นแรงผลักดันสำคัญที่สุดที่ทำให้เราสู้มาได้จนถึงวันนี้

ต้นปีที่ผ่านมา ด้วยความช่วยเหลือจากทั้งสองครอบครัว เงินเก็บที่สะสมไว้ และการกู้เพิ่มจากธนาคาร ในที่สุดเราก็เริ่มสร้างบ้านบนที่ดินที่ซื้อไว้ตั้งแต่สองปีก่อน บ้านสามชั้นหลังนี้ออกแบบสไตล์โมเดิร์นหลังคาทรงไทย ตั้งอยู่ติดซอยกว้างโปร่ง วันที่ย้ายเข้าอยู่ใหม่ มองดูบ้านที่เป็นระเบียบสวยงาม กลิ่นสีใหม่ยังหอมฟุ้ง ฉันแทบไม่เชื่อสายตาว่านี่คือความจริง เหงื่อและน้ำตาที่หลั่งมาทั้งหมด ในที่สุดก็ได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า

เพื่อแบ่งปันความยินดี สามีภรรยาจึงจัดงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ เชิญญาติพี่น้องและเพื่อนสนิทมาร่วม งานเป็นไปอย่างคึกคัก ทุกคนที่เข้ามาต่างชื่นชมว่าบ้านสวย การออกแบบลงตัว เฟอร์นิเจอร์ดูดี คำอวยพรอย่าง “ตั้งหลักปักฐานให้มั่นคง” “เงินทองไหลมาเทมา” ทำให้เราทั้งคู่ยิ้มไม่หุบ สามีที่ปกติไม่ค่อยพูด วันนี้ก็อารมณ์ดี ดื่มฉลองไปหลายแก้วด้วยความสุขล้นใจ

แต่แล้วบรรยากาศที่กำลังสนุกสนานก็ชะงักลง เมื่อพี่ฮ. ปรากฏตัว เธอเป็นญาติห่าง ๆ ฝั่งสามี มีชื่อเสียงว่าเป็นคน “พูดตรง” แต่ความตรงนั้นมักขาดความละเอียดอ่อน พอเข้าบ้าน แทนที่จะกล่าวแสดงความยินดีหรือร่วมโต๊ะ เธอกลับเดินดูตั้งแต่ชั้นหนึ่งถึงชั้นสาม สายตาสอดส่องทุกซอกมุมราวกับช่างตรวจงาน

เมื่อเธอเดินกลับลงมา ฉันเข้าไปเชิญร่วมโต๊ะอย่างสุภาพ แต่เธอกลับดึงฉันไปยืนมุมหนึ่ง สีหน้าจริงจัง ท่ามกลางเสียงเพลงและเสียงชนแก้ว เธอกลับพูดเสียงดังพอให้คนแถวนั้นได้ยินว่า

“นี่ ฉันพูดตรง ๆ นะ อย่าโกรธ บ้านก็ใหญ่สวยดี แต่สร้างบ้านแบบนี้ ไม่ได้เชิญซินแสมาดูให้ละเอียดเหรอ บันไดวางแบบนี้ถือว่าผิดฮวงจุ้ยแรงมาก บันไดพุ่งตรงออกประตูหน้าบ้าน เงินเข้าประตูหน้าไหลออกประตูหลัง ทำงานหนักแค่ไหนก็เก็บไม่อยู่ ยังไม่รวมทิศเตาที่ไปอยู่ทิศ ‘อับโชค’ ตามดวงของที. (สามีเธอ) อยู่ไปนาน ๆ ระวังเจ็บป่วย ครอบครัวไม่สงบเอานะ”

ได้ยินแบบนั้น รอยยิ้มบนหน้าฉันก็หายวับ ใบหน้าร้อนผ่าว ทั้งอายแขก ทั้งโกรธจนตัวสั่น วันนี้เป็นวันมงคล เป็นวันที่เรารอคอยมากว่าสิบปี ทำไมเธอถึงพูดคำทำลายบรรยากาศแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น ไม่สามารถรอจังหวะเงียบ ๆ หรือวันอื่นได้เลยหรือ คำพูดอัปมงคลในวันขึ้นบ้านใหม่ ไม่ต่างอะไรกับการสาปแช่งเจ้าของบ้าน

ฉันพยายามตั้งสติ ฝืนยิ้มตอบไปว่า
“ขอบคุณพี่ที่เป็นห่วงนะคะ แต่พวกเราก็ให้คนดูให้แล้ว เขาบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร เชิญพี่ไปทานข้าวก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวกับข้าวจะเย็น”

คิดว่าเธอจะหยุด แต่พี่ฮ. กลับยังส่ายหัว พูดต่อว่า
“โอ๊ย เดี๋ยวนี้หมอดูพูดเอาใจทั้งนั้น ฉันพูดมีหลักฐาน บ้านญาติพี่ฉันก็เหมือนแบบนี้เป๊ะ อยู่ได้สามปีสามีเส้นเลือดในสมองแตก ผัวเมียแตกแยก ล้มละลายต้องขายบ้าน ฉันเห็นแล้วเป็นห่วงถึงพูดตรง ๆ ไม่งั้นคนอื่นเขาไม่สนใจหรอก”

ถึงตอนนี้ บรรยากาศในงานเงียบลงทันที สีหน้าสามีก็เปลี่ยนไป แต่เพราะเกรงใจญาติ เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง ชวนทุกคนชนแก้วต่อ อย่างไรก็ตาม ความครึกครื้นในตอนแรกก็หายไปหมดสิ้น

แม้ภายนอกฉันจะพยายามทำเข้มแข็ง ไม่เชื่อเรื่องงมงาย แต่พูดตามตรง หลังแขกกลับหมดแล้ว ใจฉันกลับเต็มไปด้วยความกังวล มองบันไดที่เคยชอบนักหนา ตอนนี้กลับรู้สึกขัดใจ มองสามีที่หลับสนิทเพราะเมา ก็อดนึกถึงคำว่า “เจ็บป่วย ครอบครัวไม่สงบ” แล้วขนลุกไม่ได้

ฉันโกรธพี่ฮ. กับความพูดไม่คิดเท่าไร ก็ยิ่งกังวลมากเท่านั้น คนโบราณว่า “เชื่อไว้ไม่เสียหาย ระวังไว้ย่อมดีกว่า” คำพูดร้าย ๆ ในวันแรกของการเข้าอยู่บ้านใหม่ กลายเป็นหนามตำใจไม่รู้ลืม สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงความอิจฉาริษยาธรรมดา

คืนแรกในบ้านในฝัน แทนที่จะนอนหลับอย่างมีความสุข ฉันกลับพลิกไปมา คอยค้นข้อมูลฮวงจุ้ยในอินเทอร์เน็ต แล้วก็นอนคิดเรื่องร้าย ๆ ไม่หยุด บ้านที่เป็นความทุ่มเททั้งชีวิต กลับกลายเป็นความไม่สบายใจ เพียงเพราะประโยคเดียวจากปากคนอื่น