วันหนึ่งในเดือนกรกฎาคม ปี 2022 นายหวัง เจ้าของร้านทองในเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ได้รับคำขอเป็นเพื่อนจากคนแปลกหน้าในแอปพลิเคชัน WeChat อย่างกระทันหัน เมื่อรู้ว่าบุคคลนั้นติดต่อมาเพื่อซื้อทอง นายหวังจึงรับคำขอเป็นเพื่อนทันทีและแนะนำสินค้าขายดีของร้านอย่างกระตือรือร้น

อย่างไรก็ตาม ลูกค้าดูเหมือนจะไม่สนใจดีไซน์ และขอเพียงให้คุณหวังจัดหาแหวนทองคำจำนวน 50,000 หยวนให้เท่านั้น หลังจากนั้น ลูกค้าขอหมายเลขบัญชีธนาคารของร้านทองเพื่อชำระเงิน และขอให้คุณหวังนำสินค้าไปส่งด้วยตนเองที่ที่อยู่ตามที่แจ้ง เมื่อคุณหลิวไปถึงสถานที่ที่ตกลงกันไว้ เขาได้ติดต่อลูกค้า แต่ลูกค้ากลับเปลี่ยนที่อยู่ในการจัดส่งอยู่เรื่อยๆ ซึ่งทำให้เขาโกรธมาก

หลังจากกลับถึงบ้าน นายหวังได้รับโทรศัพท์จากศูนย์ปราบปรามการฉ้อโกงเมืองคุนหมิงโดยไม่คาดคิด ตำรวจแจ้งให้เขาทราบว่าธุรกรรมล่าสุดของเขาเชื่อมโยงกับบัญชีธนาคารที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นผู้ฉ้อโกง พวกเขาแนะนำให้เขาระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง

เมื่อได้ยินเช่นนั้น นายหวังจึงรีบแจ้งความกับตำรวจทันที จากคำให้การของชายคนนั้น ตำรวจสงสัยว่า "ลูกค้า" ที่นายหวังกล่าวถึงอาจเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงหรือการฟอกเงิน ตำรวจระบุว่า ไม่เพียงแต่ร้านทองของนายหวังเท่านั้น แต่ยังมีร้านทองอื่นๆ อีกหลายแห่งในเมืองที่เคยประสบกับกรณีเช่นเดียวกัน ดังนั้น ตำรวจจึงแนะนำให้นายหวังติดต่อและแจ้งให้ทราบทันทีหากบุคคลนั้นกลับมาซื้อทองอีกครั้ง

ตามที่ตำรวจคาดการณ์ไว้ ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนั้น นายหวังได้รับโทรศัพท์อีกครั้งจากชายคนเดิมที่ซื้อทองคำออนไลน์เมื่อเช้า คราวนี้เขาใช้วิธีการชำระเงินแบบเดียวกันสำหรับการสั่งซื้อแหวนทองคำมูลค่า 70,000 หยวน (มากกว่า 245 ล้านดองเวียดนาม) และแจ้งที่อยู่จัดส่ง หลังจากได้รับเงินแล้ว นายหวังก็แจ้งตำรวจเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวทันที

จากเบาะแสที่เจ้าของร้านทองให้ไว้ ตำรวจจึงรีบเดินทางไปยังจุดนัดพบที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อซุ่มรอจังหวะจับกุมผู้ที่มารับทอง

ประมาณบ่าย 3 โมงของวันนั้น นายหว่องนำทองคำมายังจุดนัดพบอีกครั้งเพื่อทำการซื้อขายกับลูกค้า เช่นเดียวกับครั้งก่อน ลูกค้ามาถึงที่เดิมแต่โทรศัพท์เปลี่ยนสถานที่ส่งมอบอยู่เรื่อยๆ ผ่านไป 30 นาที เขาจึงปรากฏตัวขึ้น ในขณะที่ทั้งสองกำลังทำการซื้อขายกันอยู่นั้น ตำรวจได้บุกเข้ามาจับกุมชายคนดังกล่าวและนำตัวไปที่สถานีตำรวจ

ที่สถานีตำรวจ ในที่สุดก็มีการระบุตัวตนของชายคนนั้นได้ ตำรวจกล่าวว่านามสกุลของเขาคือหลิว และเขาไม่มีอาชีพที่แน่นอน เพื่อหาเงิน หลี่จึงรับงานกับแก๊งฉ้อโกงและฟอกเงินข้ามพรมแดนที่นำโดยชายนามสกุลลา ตามคำสารภาพของเขา เขาได้ช่วยแก๊งนี้ฟอกเงินที่ได้มาโดยมิชอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยการซื้อทองคำ แม้จะรู้ว่าการกระทำของเขานั้นผิดกฎหมาย แต่เขาก็ทำเช่นนั้นเพราะความยากจน

การกระทำของนายหลิวอาจเข้าข่ายการสมรู้ร่วมคิด เขาจึงถูกตำรวจควบคุมตัวเพื่อสอบสวนเพิ่มเติมในคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน หลังเหตุการณ์ดังกล่าว นายหวังยังได้รับคำชมเชยจากตำรวจสำหรับการให้ความร่วมมือและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในการสืบสวนและจับกุมผู้กระทำผิด