หลายคนคิดว่ามะเร็งจะมาแบบไม่บอกกล่าว แต่ในความเป็นจริง ร่างกายมักส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า เพียงแต่เราอาจมองข้ามไป โดยเฉพาะบริเวณ มือและเท้า ซึ่งเป็นจุดที่สะท้อนการไหลเวียนเลือด ระบบประสาท และการทำงานของอวัยวะสำคัญได้อย่างชัดเจน

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ก่อนตรวจพบมะเร็งในผู้ป่วยจำนวนไม่น้อย มักพบความผิดปกติบางอย่างที่มือและเท้ามาก่อน หากรู้ทันตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจช่วยให้เข้ารับการตรวจและรักษาได้เร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สัญญาณที่ 1: มือเท้าซีดหรือเปลี่ยนสีผิดปกติ

หากสังเกตว่าฝ่ามือ ฝ่าเท้า ซีดกว่าปกติ เหลืองคล้ำ หรือออกม่วงคล้ำ โดยไม่ได้เกิดจากอากาศเย็น อาจบ่งบอกถึงภาวะเลือดจาง การไหลเวียนเลือดผิดปกติ หรือการทำงานของตับที่เริ่มมีปัญหา ซึ่งพบร่วมในผู้ป่วยมะเร็งบางชนิด

แพทย์เตือนว่า สีผิวที่เปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป มักถูกมองข้ามมากที่สุด

สัญญาณที่ 2: เท้าบวม มือบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ

อาการ บวมเรื้อรัง โดยเฉพาะบริเวณข้อเท้าและหลังเท้า แม้ไม่ได้ยืนนานหรือเดินเยอะ อาจเกี่ยวข้องกับระบบน้ำเหลือง หัวใจ ไต หรือการกดทับจากก้อนเนื้อภายในร่างกาย

ในผู้ป่วยมะเร็งระยะเริ่มต้นบางราย พบว่ามีอาการบวมก่อนตรวจพบโรคหลายเดือน

สัญญาณที่ 3: ชา เจ็บ หรือปวดแปลบที่มือและเท้า

อาการชาเหมือนไฟช็อต ปวดแปลบ หรือรู้สึกเข็มทิ่มโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน อาจเกี่ยวข้องกับ เส้นประสาทถูกกดทับ หรือการอักเสบจากระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ ซึ่งพบได้ในมะเร็งบางชนิด

หากอาการเป็นต่อเนื่อง หรือรบกวนการใช้ชีวิต ควรรีบพบแพทย์

สัญญาณที่ 4: ผิวแห้ง แตก หรือเหงื่อออกผิดปกติ

ผิวมือเท้าแห้ง แตกง่าย เหงื่อออกมากผิดปกติ หรือไม่ออกเลย อาจสะท้อนถึงความผิดปกติของฮอร์โมน ระบบประสาทอัตโนมัติ หรือการเผาผลาญในร่างกาย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่แพทย์พบร่วมในผู้ป่วยมะเร็งระยะต้น

หมอย้ำ: ไม่ได้แปลว่าเป็นมะเร็งทันที

แพทย์ยืนยันว่า สัญญาณเหล่านี้ ไม่ใช่การวินิจฉัยว่าคุณเป็นมะเร็ง แต่เป็น “ไฟเตือนบนหน้าปัดร่างกาย” ที่บอกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และควรได้รับการตรวจอย่างละเอียด

หากมีอาการเหล่านี้มากกว่า 1 ข้อ และเป็นต่อเนื่องเกิน 2–3 สัปดาห์ ควรพบแพทย์ ตรวจเลือด หรือทำการตรวจเพิ่มเติมตามคำแนะนำ

สรุปแบบสานนก

มะเร็งอาจไม่ส่งเสียงดัง แต่ร่างกายไม่เคยเงียบ มือและเท้าอาจเป็นผู้ส่งสารเงียบ ๆ ที่กำลังบอกว่า “ถึงเวลาต้องดูแลตัวเองแล้ว”