ชายวัย 47 ปี เ.สี.ย.ชี.วิ.ต เพราะตั.บพังยับ สัญญาณเตือนอันตรายจากตั.บ: “ปวด 2 จุด – คั.น 2 แบบ” ที่หลายคนมองข้าม

เรื่องราวของชายวัย 47 ปีรายหนึ่งสร้างความสะเทือนใจให้กับแพทย์และคนรอบข้างอย่างมาก เขาดูเป็นคนแข็งแรง ทำงานปกติ ไม่ได้ป่วยหนักมาก่อน แต่กลับเสียชีวิตอย่างกะทันหันจากภาวะตับล้มเหลวขั้นรุนแรง เมื่อตรวจอย่างละเอียด แพทย์พบว่าตับของเขาเสียหายอย่างหนักจนแทบไม่สามารถทำหน้าที่ได้ สาเหตุสำคัญคือการละเลยสัญญาณเตือนเล็ก ๆ จากร่างกาย โดยเฉพาะอาการ “ปวด 2 จุด และคัน 2 แบบ” ที่ปรากฏขึ้นอย่างผิดปกติ แต่กลับถูกมองข้ามไปเป็นเวลานาน

ตับ…อวัยวะเงียบ แต่ร้ายแรงเมื่อป่วย

ตับเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่กำจัดสารพิษ สร้างน้ำดี ช่วยย่อยอาหาร และควบคุมระบบเผาผลาญของร่างกาย จุดอันตรายของโรคตับคือ ในระยะแรกมักไม่แสดงอาการชัดเจน เมื่อมีอาการให้เห็น มักเป็นช่วงที่ตับถูกทำลายไปมากแล้ว หลายคนจึงเรียกโรคตับว่า “ภัยเงียบ”

ในกรณีของชายวัย 47 ปี เขามีประวัติทำงานหนัก ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ นอนดึก และไม่เคยตรวจสุขภาพตับอย่างจริงจัง แม้ร่างกายจะเริ่มส่งสัญญาณเตือน แต่เขากลับคิดว่าเป็นเพียงอาการเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้า

“ปวด 2 จุด” สัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม

อาการปวดแรกคือ ปวดชายโครงขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งของตับ หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นอาการปวดกล้ามเนื้อหรือปวดจากการนั่งทำงานนาน แต่ในความเป็นจริง หากตับอักเสบหรือบวม จะทำให้เกิดอาการปวดตื้อ ๆ แน่น ๆ บริเวณนี้ โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารมันหรือดื่มแอลกอฮอล์

อาการปวดที่สองคือ ปวดหลังหรือไหล่ขวา ซึ่งเกิดจากเส้นประสาทที่เชื่อมโยงกับตับ เมื่อการอักเสบรุนแรงขึ้น ความเจ็บปวดจะลามไปยังบริเวณใกล้เคียง ทำให้หลายคนสับสน คิดว่าเป็นออฟฟิศซินโดรมหรือหมอนรองกระดูก

“คัน 2 แบบ” ที่บ่งบอกว่าตับเริ่มมีปัญหา

อาการคันแบบแรกคือ คันผิวหนังโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่มีผื่น ไม่มีอาการแพ้ แต่คันเรื้อรัง โดยเฉพาะเวลากลางคืน สาเหตุเกิดจากน้ำดีคั่งในร่างกาย เมื่อตับทำงานผิดปกติ สารพิษจะสะสมและกระตุ้นปลายประสาทใต้ผิวหนัง

อาการคันแบบที่สองคือ คันร่วมกับผิวแห้ง เหลือง หรือคล้ำ บางรายจะสังเกตว่าผิวหนังดูหมอง ตาเหลือง หรือมีรอยคล้ำตามข้อพับ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการกำจัดของเสียของตับเริ่มล้มเหลวแล้ว

บทเรียนราคาแพงจากความประมาท

ก่อนเสียชีวิต ชายรายนี้มีอาการปวดชายโครงขวาเป็น ๆ หาย ๆ และคันตามตัวมานานหลายเดือน แต่ไม่เคยไปตรวจแพทย์ จนกระทั่งมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ตัวเหลือง และหมดสติ เมื่อถูกนำส่งโรงพยาบาล แพทย์พบว่าตับถูกทำลายอย่างรุนแรง ไม่สามารถฟื้นฟูได้ทันเวลา

ดูแลตับ ก่อนจะสายเกินไป

แพทย์เตือนว่า หากมีอาการปวดผิดปกติบริเวณชายโครงขวา ปวดหลังร่วมกับอาการคันโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรรีบตรวจสุขภาพตับทันที นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ อาหารมันจัด พักผ่อนให้เพียงพอ และตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปี

ตับอาจไม่ร้องเตือนเสียงดัง แต่ทุกสัญญาณเล็ก ๆ ที่ร่างกายส่งออกมา ล้วนมีความหมาย อย่าปล่อยให้ความชะล่าใจ นำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนคืนได้ เพราะเมื่อ “ตับพัง” ชีวิตอาจพังตามไปด้วยในชั่วพริบตา