สิ่งหนึ่งในหมูที่มักถูกมองว่า “สกปรก” และถูกเททิ้งไป: แท้จริงคือ “ยาอายุวัฒนะ” ที่มีธาตุเหล็กสูงกว่าเนื้อสัตว์ถึง 10 เท่า

อาหารชนิดนี้ช่วยบำรุงเลือด ขับสารพิษ บำรุงผิวพรรณ บำรุงปอด และมีโปรตีนสูงยิ่งกว่าเนื้อหมูและเนื้อวัว หลายคนไม่รู้คุณค่าเลยทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย





เลือดหมูเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่อร่อย มีประโยชน์ และราคาถูก หากรู้จักนำมารับประทานอย่างถูกวิธี จะส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างมาก เลือดหมูช่วยบำรุงเลือด ขับพิษ บำรุงผิว และเสริมการทำงานของปอด อีกทั้งยังมีโปรตีนสูงกว่าเนื้อหมูและเนื้อวัวอีกด้วย

6 ประโยชน์น่าทึ่งของเลือดหมูต้ม

1. บำรุงเลือด เสริมการสร้างเม็ดเลือด
เลือดหมูต้มมีฤทธิ์เย็น รสหวานอ่อน ตามศาสตร์แพทย์แผนจีนถือเป็นอาหารบำรุงเลือด ช่วยปรับสภาพร่างกายในผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด เหมาะสำหรับผู้ที่อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ หน้ามืด หรือร่างกายอ่อนแอ

2. ลดความร้อนในร่างกาย และช่วยขับสารพิษ
เลือดหมูต้มมีคุณสมบัติช่วยล้างพิษ สนับสนุนการทำความสะอาดลำไส้ ดูดซับและขับสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยลดอาการร้อนใน และทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น

3. ช่วยดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด





มีการศึกษาพบว่าเลือดหมูต้มมีธาตุเหล็กสูง ช่วยเสริมการสร้างเม็ดเลือดแดง ลดภาวะโลหิตจาง แพทย์แผนจีนยังเชื่อว่าเลือดหมูช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต และสนับสนุนสุขภาพของระบบหัวใจและหลอดเลือด

4. บำรุงปอดและระบบทางเดินหายใจ
ตามภูมิปัญญาแพทย์แผนโบราณ เลือดหมูต้มช่วยทำความสะอาดปอด เสริมการทำงานของระบบหายใจ ลดอาการไอ มีเสมหะ หรือปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจ

5. ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน
เลือดหมูต้มมีแคลเซียมในปริมาณหนึ่ง ช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกและข้อ ลดความเสี่ยงของภาวะกระดูกพรุน เหมาะสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่ต้องการเสริมแคลเซียมจากแหล่งธรรมชาติ

6. ช่วยลดความเครียดและความอ่อนล้า
อาหารชนิดนี้ยังช่วยเติมพลังงาน บรรเทาความเหนื่อยล้า และฟื้นฟูสภาพจิตใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานหนัก เครียด หรือใช้สมองและร่างกายมากเป็นประจำ

ข้อควรระวังในการรับประทานเลือดหมู

สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกเลือดที่สะอาดและสดใหม่ เลือดควรมีสีแดงสด มาจากหมูหรือไก่ที่เพิ่งเชือด และควรซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ถูกสุขลักษณะ หลีกเลี่ยงเลือดที่ไม่ปลอดภัยหรือไม่ผ่านการควบคุมด้านสุขอนามัย

แม้เลือดหมูจะมีประโยชน์ แต่ไม่ควรรับประทานมากเกินไป เนื่องจากมีคอเลสเตอรอลค่อนข้างสูง อีกทั้งเลือดหมูมักมีโซเดียมสูงจากกระบวนการแปรรูป จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจ หรือไขมันในเลือดสูง ควรรับประทานในปริมาณพอเหมาะเท่านั้น

ผู้ที่มีระบบย่อยอาหารอ่อนแอ หรือมีอาการท้องเสียบ่อย ควรหลีกเลี่ยงการกินเลือดหมูต้ม เพราะฤทธิ์เย็นอาจทำให้ท้องอืดและย่อยยากยิ่งขึ้น

ที่สำคัญที่สุด ห้ามรับประทานเลือดหมูดิบหรือทำเมนูเลือดดิบโดยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นอาหารที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อสเตรปโตค็อกคัสจากหมู และเชื้อก่ออาหารเป็นพิษอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างรุนแรง