เรื่องราวสะเทือนใจนี้เกิดขึ้นกับ นายอนุชา ศรีภักดี ชายหนุ่มโสดวัยเพียง 24 ปี พนักงานออฟฟิศในกรุงเทพฯ ที่ไม่เคยคิดเลยว่า “โรคไต” จะมาเยือนตัวเองเร็วขนาดนี้ ทั้งที่ยังหนุ่ม สุขภาพภายนอกดูแข็งแรง และไม่เคยมีโรคประจำตัวมาก่อน

จุดเริ่มต้นของเรื่องเกิดขึ้นเมื่ออนุชารู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปวดหลังส่วนล่าง และปัสสาวะผิดปกติเล็กน้อย เขาคิดว่าเป็นแค่ผลจากการทำงานหนักและนอนดึก จึงฝืนใช้ชีวิตตามปกติ จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดหน้ามืดระหว่างทำงาน เพื่อนร่วมงานรีบนำส่งโรงพยาบาล

ผลตรวจทำให้ทั้งแพทย์และคนไข้ถึงกับเงียบงัน
ค่าไตของอนุชาเข้าขั้นวิกฤต ไตทำงานเหลือไม่ถึง 20% แพทย์ระบุว่าอยู่ในภาวะ “เกือบไตวาย” หากมาช้ากว่านี้อีกเล็กน้อย อาจต้องฟอกไตตลอดชีวิต

“อายุแค่นี้ แต่สภาพไตเหมือนคนอายุ 50–60 ปี”
แพทย์เจ้าของไข้กล่าวพร้อมถอนหายใจ

ต้นเหตุที่หลายคนทำเหมือนกัน

เมื่อซักประวัติอย่างละเอียด แพทย์พบว่าอนุชามีพฤติกรรมเสี่ยง 2 อย่าง ที่ผู้ชายจำนวนมากกำลังทำอยู่โดยไม่รู้ตัว

1. ดื่มน้ำอัดลมและเครื่องดื่มหวานแทนน้ำเปล่า
อนุชาดื่มน้ำอัดลม ชานม และเครื่องดื่มชูกำลังแทบทุกวัน วันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 1–2 ขวด แต่ดื่มน้ำเปล่าน้อยมาก น้ำตาลและฟอสฟอรัสในเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นตัวเร่งทำลายไตโดยตรง

2. กลั้นปัสสาวะเป็นประจำ
จากลักษณะงานที่ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ยาว ๆ อนุชามักกลั้นปัสสาวะหลายชั่วโมงต่อวัน พฤติกรรมนี้ทำให้ไตและกระเพาะปัสสาวะทำงานหนัก เกิดการติดเชื้อและเสื่อมเร็วกว่าปกติ

แพทย์เตือนว่า “โรคไตไม่เคยมาแบบปุบปับ แต่มันค่อย ๆ พังจากพฤติกรรมเล็ก ๆ ที่ทำซ้ำทุกวัน”

บทเรียนราคาแพงในวัย 24

ปัจจุบันอนุชาต้องเข้ารับการรักษาอย่างใกล้ชิด ปรับพฤติกรรมทั้งหมด งดเครื่องดื่มหวาน เพิ่มการดื่มน้ำ และติดตามค่าไตทุกเดือน แม้ยังไม่ต้องฟอกไต แต่แพทย์ย้ำว่าไตที่เสียไปแล้วไม่สามารถฟื้นกลับมาเหมือนเดิมได้

“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมอยากแค่ดื่มน้ำเปล่าให้มากกว่านี้”
อนุชากล่าวทั้งน้ำตา

เรื่องราวของหนุ่มโสดวัย 24 ปีรายนี้ เป็นสัญญาณเตือนชัดเจนว่า โรคร้ายไม่เลือกอายุ และพฤติกรรมที่หลายคนมองข้าม อาจกำลังทำลายไตของคุณอยู่เงียบ ๆ ตั้งแต่วันนี้