ในยุคที่ค่าครองชีพสูงขึ้น หลายคนพยายามประหยัดเงินในทุกวิถีทาง ซึ่งโดยหลักแล้วถือเป็นเรื่องดี แต่แพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเตือนว่า นิสัยประหยัดบางอย่าง หากทำต่อเนื่องโดยไม่รู้เท่าทัน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง และในระยะยาวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งโดยไม่รู้ตัว

นิสัยแรกคือ กินอาหารค้างคืนหรืออาหารที่เริ่มเสีย หลายคนเสียดายอาหาร ไม่อยากทิ้ง จึงนำอาหารที่เก็บไว้นานหลายวันมาอุ่นกินซ้ำ แม้อาหารจะดูเหมือนไม่เสีย แต่แบคทีเรียและสารพิษบางชนิด โดยเฉพาะสารไนโตรซามีน สามารถก่อมะเร็งได้ และการอุ่นซ้ำไม่สามารถกำจัดสารเหล่านี้ได้ทั้งหมด

นิสัยที่สองคือ ใช้ภาชนะพลาสติกซ้ำ ๆ โดยไม่เหมาะสม เพื่อประหยัด หลายคนใช้กล่องพลาสติกเก่าใส่อาหารร้อนหรืออุ่นอาหารในไมโครเวฟ พลาสติกบางชนิดเมื่อโดนความร้อนสูง จะปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และอาจสะสมจนเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งในระยะยาว

นิสัยที่สามคือ ไม่ตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพราะคิดว่าเสียเงินโดยไม่จำเป็น ทั้งที่การตรวจสุขภาพสามารถช่วยค้นหาโรคในระยะเริ่มต้น มะเร็งหลายชนิดหากตรวจพบเร็ว จะมีโอกาสรักษาหายสูง แต่การละเลยเพียงเพื่อประหยัดเงิน อาจทำให้โรครุนแรงขึ้นจนต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าเดิมหลายเท่า

นิสัยที่สี่คือ ซื้ออาหารราคาถูกที่ไม่มีมาตรฐาน เช่น ผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่ทราบแหล่งที่มา อาหารเหล่านี้อาจปนเปื้อนสารเคมี ยาฆ่าแมลง หรือสารกันเสียในปริมาณสูง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคมะเร็ง

นิสัยที่ห้าคือ ไม่เปิดเครื่องดูดควันหรือประหยัดค่าไฟเวลาเข้าครัว ควันจากการผัดหรือทอดด้วยไฟแรงมีสารก่อมะเร็ง หากสูดดมเป็นประจำโดยไม่มีการระบายอากาศ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งปอดและระบบทางเดินหายใจ

นิสัยสุดท้ายคือ อดนอนและทำงานหนักเกินไปเพื่อประหยัดเงินหรือหารายได้เพิ่ม การพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้น้อยลง ซึ่งอาจเอื้อต่อการเกิดเซลล์ผิดปกติและมะเร็งได้

การประหยัดเงินเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรแลกมาด้วยสุขภาพ การรู้จักเลือกประหยัดอย่างฉลาด ลงทุนกับอาหารที่ปลอดภัย การตรวจสุขภาพ และการใช้ชีวิตที่สมดุล จะช่วยให้เราไม่เพียงแค่มีเงินเก็บ แต่ยังมีสุขภาพที่แข็งแรงในระยะยาว เพราะสุขภาพที่ดี คือความมั่งคั่งที่แท้จริงที่สุดในชีวิต