ขนมจีน เป็นอาหารพื้นบ้านยอดนิยมของคนไทย กินง่าย อร่อย ราคาถูก อยู่คู่ครัวไทยมานาน ไม่ว่าจะเป็นขนมจีนน้ำยา น้ำพริก ซาวน้ำ หรือแกงเขียวหวาน แต่เบื้องหลังความอร่อยนั้น แพทย์เตือนว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะจะกินขนมจีน โดยเฉพาะ 3 กลุ่มคนต่อไปนี้ ที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างจริงจัง แม้จะหิวแค่ไหนก็ตาม

จากภาพที่แชร์กันในโลกออนไลน์ ด้านหนึ่งคือ “ขนมจีนเส้นขาว” ที่ดูสะอาดน่ากิน แต่อีกด้านคือภาพการตรวจสุขภาพชาวบ้านในพื้นที่ชนบท สะท้อนความจริงว่า อาหารที่กินทุกวัน อาจส่งผลต่อสุขภาพระยะยาวอย่างคาดไม่ถึง

กลุ่มที่ 1: ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือมีน้ำตาลในเลือดสูง

แพทย์อธิบายว่า ขนมจีนทำจากแป้งหมัก มีค่าดัชนีน้ำตาล (GI) ค่อนข้างสูง เมื่อกินเข้าไป น้ำตาลในเลือดจะพุ่งเร็ว โดยเฉพาะถ้ากินคู่กับน้ำยาที่มีไขมันและกะทิ

“ผู้ป่วยเบาหวานหลายคนคิดว่าแค่เส้น ไม่หวาน ไม่น่ามีปัญหา แต่ความจริงขนมจีนกระตุ้นน้ำตาลในเลือดแรงมาก” แพทย์เตือน

หากกินเป็นประจำ เสี่ยงน้ำตาลคุมไม่ได้ เกิดภาวะแทรกซ้อนทั้งไต ตา และหัวใจ

กลุ่มที่ 2: ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ กระเพาะ หรือภูมิคุ้มกันต่ำ

ขนมจีนเป็นอาหารหมัก หากกระบวนการผลิตไม่สะอาด อาจมีการปนเปื้อนแบคทีเรีย เชื้อรา หรือสารเคมีฟอกขาวบางชนิด โดยเฉพาะขนมจีนที่วางขายกลางแจ้ง

สำหรับผู้ที่มีลำไส้อักเสบเรื้อรัง กระเพาะอ่อนแอ หรือผู้สูงอายุที่ภูมิคุ้มกันต่ำ การกินขนมจีนที่ไม่สะอาด อาจทำให้ท้องเสีย ติดเชื้อในลำไส้ หรืออาหารเป็นพิษได้ง่าย

กลุ่มที่ 3: ผู้ป่วยโรคไต ความดัน และหัวใจ

ขนมจีนมักกินคู่กับน้ำยา น้ำพริก หรือแกงที่มี โซเดียมสูงมาก หากเป็นน้ำยาป่า น้ำยาปลาร้า หรือแกงเข้มข้น ยิ่งเพิ่มภาระให้ไตและหัวใจ

แพทย์ระบุว่า ผู้ป่วยไตและความดันจำนวนไม่น้อย อาการทรุดลงจากการ “กินขนมจีนบ่อยโดยไม่รู้ตัว” เพราะโซเดียมและฟอสฟอรัสแฝงในเส้นและน้ำยา

---

คำเตือนจากแพทย์

ขนมจีนไม่ใช่อาหารต้องห้ามสำหรับทุกคน แต่ ไม่ควรกินบ่อย ไม่ควรกินมาก และต้องเลือกแหล่งที่สะอาด หากอยู่ใน 3 กลุ่มเสี่ยงข้างต้น ควรหลีกเลี่ยงจะปลอดภัยที่สุด

“บางครั้งความอร่อยเพียงมื้อเดียว อาจต้องแลกกับสุขภาพระยะยาว” แพทย์กล่าว

หากอยากดูแลสุขภาพให้ดี เริ่มจากการรู้ว่า อาหารอะไร ‘เหมาะ’ หรือ ‘ไม่เหมาะ’ กับร่างกายของตัวเอง เพราะไม่ใช่ทุกอย่างที่คนอื่นกินได้ แล้วเราจะกินได้เหมือนกัน