ในยุคปัจจุบัน ปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือดกลายเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของโลก ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจำนวนมากต่างเห็นตรงกันว่า “อาหาร” มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพหัวใจ ศัลยแพทย์หัวใจหลายท่านได้ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน พร้อมเตือนถึงอาหารบางประเภทที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด เพราะอาจส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว แม้จะดูเหมือนเป็นอาหารที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันก็ตาม

อาหารประเภทแรกที่มักถูกกล่าวถึงคือ อาหารแปรรูปสูง เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน และอาหารสำเร็จรูปต่าง ๆ อาหารเหล่านี้มักมีปริมาณโซเดียมสูง ไขมันอิ่มตัว และสารกันเสียจำนวนมาก การบริโภคเป็นประจำอาจเพิ่มความดันโลหิต ทำให้หลอดเลือดแข็งตัว และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ นอกจากนี้ สารเคมีบางชนิดในอาหารแปรรูปยังอาจกระตุ้นการอักเสบภายในร่างกายโดยที่เราไม่รู้ตัว

ประเภทที่สองคือ น้ำตาลและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม ชานมหวาน และขนมหวานต่าง ๆ น้ำตาลที่มากเกินไปไม่เพียงทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น แต่ยังส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดและการทำงานของอินซูลิน เมื่อบริโภคต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่โรคเบาหวาน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด

อาหารประเภทที่สามคือ ไขมันทรานส์ ซึ่งพบได้ในของทอด เบเกอรี่บางชนิด และมาการีนราคาถูก ไขมันทรานส์มีผลโดยตรงต่อการเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และลดคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ศัลยแพทย์หัวใจหลายคนเตือนว่า ไขมันทรานส์เป็นหนึ่งในไขมันที่อันตรายที่สุดต่อหัวใจ และควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ประเภทสุดท้ายคือ อาหารเค็มจัด ไม่ว่าจะเป็นของดอง อาหารหมัก หรืออาหารที่ปรุงรสเค็มเกินไป โซเดียมในปริมาณสูงจะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำมากขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตสูง และเพิ่มภาระการทำงานของหัวใจ ในระยะยาว อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวหรือโรคหลอดเลือดสมองได้

อย่างไรก็ตาม การหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าต้องงดทุกอย่างอย่างเคร่งครัด แต่คือการลดปริมาณและเลือกบริโภคอย่างมีสติ ควบคู่กับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และไขมันดีจากปลาและถั่ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากต่อสุขภาพในระยะยาว

ท้ายที่สุด คำเตือนจากศัลยแพทย์หัวใจไม่ใช่เพื่อสร้างความหวาดกลัว แต่เพื่อกระตุ้นให้เราหันมาใส่ใจสุขภาพของตนเองมากขึ้น อาหารที่เรากินทุกวันสามารถเป็นทั้ง “ยา” และ “พิษ” ได้ในเวลาเดียวกัน การเลือกกินอย่างรู้เท่าทันและสมดุล คือกุญแจสำคัญในการดูแลหัวใจและร่างกายให้แข็งแรงไปได้อีกยาวนาน