มีคำกล่าวที่ว่า"ความคิดก่อให้เกิดการกระทำ การกระทำก่อให้เกิดนิสัย นิสัยก่อให้เกิดบุคลิกลักษณะ บุคลิกลักษณะก่อให้เกิดอนาคต"แท้จริงแล้ว การพัฒนาอย่างรอบด้านของเด็กในอนาคตนั้นเริ่มต้นจากนิสัยและวิถีชีวิตในปัจจุบัน ดังนั้น ตั้งแต่ยังเล็ก พ่อแม่จึงจำเป็นต้องปลูกฝังนิสัยที่ดีให้แก่ลูก และแก้ไขหรือกำจัดนิสัยที่ไม่ดีออกไป มิเช่นนั้น พ่อแม่จะต้องเสียใจในภายหลังอย่างแน่นอน

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือกรณีของเด็กหญิงอายุ 6 ขวบในประเทศจีน ซึ่งรายงานโดย Sohu ระบุว่า เนื่องจากพฤติกรรมประจำวันที่ไม่ดี เด็กหญิงคนนี้จึงติดโรคที่ค่อนข้างอันตราย 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แม่ของเด็กหญิงกล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ เสี่ยวชุนงอแงและหงุดหงิด บอกแม่ว่ามีอะไรแปลกๆ อยู่ในปากและมันกำลังใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หลังจากได้ยินคำบ่นของลูกสาว แม่จึงรีบตรวจสอบในปากของลูกและตกใจมากที่พบก้อนขนาดกลางอยู่ภายในริมฝีปากล่างของเธอ มันมีรูปร่างกลม สีคล้ายกับเยื่อบุช่องปาก และมีสีขาวที่ผิว

ในตอนแรก คุณแม่สงสัยว่าลูกสาวอาจเป็นโรค มือ เท้า ปาก จึงรีบพาลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนในมณฑลเจียงซู แต่หลังจากตรวจแล้ว กุมารแพทย์วินิจฉัยว่าไม่ใช่โรค มือ เท้า ปาก และแนะนำให้คุณแม่พาลูกไปตรวจเพิ่มเติมที่แผนกทันตกรรม

ณ ที่นี้ ทันตแพทย์ได้ตรวจดูอาการของเด็กหญิงและแจ้งให้มารดาทราบว่าเด็กมีเนื้องอกขนาดเล็กกำลังเติบโตอยู่ในปาก ซึ่งเรียกว่า "ซีสต์เยื่อบุริมฝีปาก" 

หลังจากตรวจสอบประวัติทางการแพทย์แล้ว แพทย์ได้ตำหนิแม่ของเสี่ยวชุนที่ไม่ให้ความสำคัญกับนิสัยไม่ดีประจำวันของลูกสาว ปรากฏว่าเด็กหญิงมักกัดริมฝีปากที่บ้าน และถึงแม้พ่อแม่จะสังเกตเห็น แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนักเพราะคิดว่าคงไม่มีผลเสียอะไร หลังจากเหตุการณ์นี้เองที่แม่ของเสี่ยวชุนจึงรู้สึกเสียใจกับการกระทำของตนเอง

โชคดีที่อาการของลูกสาวสามารถรักษาได้ ดังนั้นหลังจากได้รับความยินยอมจากทั้งคู่แล้ว แพทย์จึงทำการผ่าตัดเพื่อเอา ​​"ถุงน้ำเมือก" ออกจากตัวเสี่ยวชุน การผ่าตัดทำภายใต้การฉีดยาชาเฉพาะที่และใช้เวลามากกว่า 10 นาทีจึงเสร็จสิ้นอย่างราบรื่น

แม้ว่าเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดจะไม่เกิดขึ้น แต่เรื่องราวของเสี่ยวชุนก็เป็นเครื่องเตือนใจสำหรับผู้ปกครอง เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องใส่ใจและดูแลลูก ๆ มากขึ้น การทำเช่นนี้จะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถรับรู้ถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงทีและป้องกันได้ พร้อมทั้งช่วยให้ลูก ๆ เติบโตขึ้นอย่างมีสุขภาพดีและสมบูรณ์แบบ

ทำไมเด็กถึงเกิดซีสต์ชนิดนี้?

เยื่อบุผิวของริมฝีปากและเยื่อบุช่องปากอื่นๆ มีระบบต่อมน้ำลายขนาดเล็ก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการทำให้ริมฝีปากชุ่มชื้นและรักษาสุขภาพช่องปาก ต่อมเหล่านี้ทำหน้าที่เสมือน "โรงงาน" ผลิตน้ำลาย ซึ่งช่วยทำให้เศษอาหารอ่อนนุ่มและปกป้องเยื่อบุช่องปากจากแบคทีเรีย

อย่างไรก็ตาม มีบางสถานการณ์ที่ต่อมน้ำลายเหล่านี้อาจได้รับความเสียหาย เมื่อบุคคลไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก กัดริมฝีปากโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หรือเมื่อริมฝีปากได้รับบาดเจ็บ ต่อมน้ำลายอาจแตกได้ ส่งผลให้เมือกที่หลั่งจากต่อมเหล่านี้ไม่ถูกกักเก็บไว้ แต่กลับรั่วไหลเข้าไปในเนื้อเยื่อรอบข้าง เมื่อเมือกสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อ มันจะก่อตัวเป็นถุงน้ำที่เรียกว่า "ถุงน้ำเมือกต่อมน้ำลายที่ริมฝีปาก"

ปรากฏการณ์นี้สามารถเกิดขึ้นซ้ำได้ โดยเฉพาะในเด็ก ที่มักกัดริมฝีปากหรือเอาสิ่งของเข้าปาก การบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้มักไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดมากนัก แต่เมื่อสะสมมากขึ้นก็อาจนำไปสู่การเกิดซีสต์ได้ ซีสต์เมือกมักไม่เป็นอันตราย แต่ก็อาจทำให้เด็กและผู้ปกครองรู้สึกไม่สบายใจและวิตกกังวลได้

ดังนั้น การทำความเข้าใจกลไกการเกิดซีสต์ชนิดนี้ให้ดียิ่งขึ้น จะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถใช้มาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพเพื่อปกป้องสุขภาพช่องปากของบุตรหลานได้ พวกเขาสามารถส่งเสริมให้เด็กไม่กัดริมฝีปาก และให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการรักษาสุขอนามัยในช่องปากที่ดี ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้เด็กหลีกเลี่ยงการเกิดซีสต์เท่านั้น แต่ยังช่วยพัฒนาพฤติกรรมสุขอนามัยในช่องปากที่ดีขึ้นในอนาคตอีกด้วย