มะเร็งปากมดลูกยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในผู้หญิง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานและวัยกลางคน แพทย์ระบุว่า นอกจากปัจจัยทางพันธุกรรมและภูมิคุ้มกันแล้ว พฤติกรรมในชีวิตคู่บางอย่าง ก็อาจมีส่วนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคนี้ได้ หากผู้หญิงไม่กล้าพูดหรือไม่กล้าปกป้องสุขภาพของตนเอง

ผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวชย้ำว่า มะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ ไวรัส HPV ซึ่งสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงได้ หากมีความรู้และดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม

3 พฤติกรรมที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม

1. คู่ครองมีคู่นอนหลายคน หรือพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัย
แพทย์อธิบายว่า การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน โดยเฉพาะกับคู่ครองที่มีคู่นอนหลายคน เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก ผู้หญิงควรกล้าพูดคุยเรื่องการป้องกัน เช่น การใช้ถุงยางอนามัย และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ

2. ไม่ใส่ใจสุขอนามัยทางเพศ
การไม่ดูแลความสะอาด หรือมีการอักเสบติดเชื้อเรื้อรังในอวัยวะสืบพันธุ์ อาจทำให้เซลล์บริเวณปากมดลูกเกิดการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ หากมีอาการตกขาวผิดปกติ กลิ่นแรง หรือเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ควรรีบพบแพทย์

3. มองข้ามการตรวจคัดกรองและวัคซีน
ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยละเลยการตรวจแปปสเมียร์ (Pap smear) หรือการตรวจ HPV รวมถึงยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกัน HPV ทั้งที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ การตรวจอย่างสม่ำเสมอช่วยให้พบความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

ผู้เชี่ยวชาญแนะ ผู้หญิงต้อง “กล้าพูด”

แพทย์เน้นว่า สุขภาพของผู้หญิงไม่ควรเป็นเรื่องที่ต้องอดทนเงียบ ๆ การพูดคุยกับคู่ครองอย่างตรงไปตรงมา การขอความร่วมมือในการป้องกันโรค และการดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง เป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยง

ป้องกันได้ หากเริ่มวันนี้

แนวทางลดความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูกที่แพทย์แนะนำ ได้แก่

• ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์

• เข้ารับการตรวจคัดกรองตามคำแนะนำของแพทย์

• รับวัคซีนป้องกัน HPV

• รักษาสุขอนามัย และสังเกตความผิดปกติของร่างกาย

แพทย์ย้ำว่า มะเร็งปากมดลูกไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นทันที แต่เป็นผลสะสมจากพฤติกรรมในระยะยาว หากผู้หญิงรู้เท่าทันและลุกขึ้นปกป้องตัวเองตั้งแต่วันนี้ ก็สามารถลดความเสี่ยงและดูแลสุขภาพได้อย่างยั่งยืน