ชาย "คันเป้า" เป็นปี ทนไม่ไหวไปหาหมอ ส่องกล้องเจอ "ปูจิ๋ว" จับคู่ผสมพันธุ์กันอยู่ในอวัยวะเพศมนุษย์

เรื่องราวอุทาหรณ์สำหรับคนที่มีอาการคันผิดปกติในที่ลับแต่ไม่กล้าไปหาหมอ เมื่อชายวัย 56 ปีรายหนึ่งจากจังหวัดนิงห์บิงห์ ประเทศเวียดนาม ต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการคันคะเยออย่างรุนแรงบริเวณ จุดซ่อนเร้น มานานนับปี สุดท้ายเมื่อทนไม่ไหวต้องไปโรงพยาบาล แพทย์กลับพบสาเหตุที่น่าขนลุกว่า แท้จริงแล้วเขาถูก "ตัวโลน" (Pubic Lice) ยึดครองพื้นที่เป็นรังอาศัยโดยไม่รู้ตัว

ซื้อยาทาเองไม่หาย ยิ่งเกายิ่งลาม

ผู้ป่วยเล่าว่าตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เขามีอาการคันอย่างมากบริเวณหัวหน่าว ถุงอัณฑะ และรอบทวารหนัก โดยเฉพาะในเวลากลางคืนจะคันมากเป็นพิเศษจนนอนไม่หลับ แต่ด้วยความอายจึงไม่กล้าไปโรงพยาบาล ได้แต่ซื้อยามาทาและกินเอง ซึ่งอาการดีขึ้นเพียงชั่วคราวแล้วก็กลับมาเป็นซ้ำ หนักเข้าถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ กระทบการใช้ชีวิตประจำวันอย่างหนักจนต้องตัดสินใจมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโรคเขตร้อนกลาง (National Hospital for Tropical Diseases)

ส่องกล้องผงะ! เจอ "ปูจิ๋ว" เดินไต่บนเส้นขน

พญ.เหงียน ถิ ฮวา แพทย์เจ้าของไข้ได้ทำการตรวจร่างกาย พบจุดสีฟ้าขุ่นขนาดเล็กประมาณ 1-2 มม. กระจายอยู่ทั่วบริเวณหัวหน่าว พร้อมรอยแผลจากการเกาจำนวนมาก เมื่อนำไปส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ก็พบภาพที่ชัดเจน คือมี ตัวโลน (Pthirus pubis) กำลังเคลื่อนไหวเกาะอยู่บนเส้นขน และบางจุดยังพบพวกมันกำลังจับคู่ผสมพันธุ์กันอยู่อีกด้วย

รู้จัก "โลน" ปรสิตจอมดูดเลือด

รศ.ดร.เล เจิ่น อานห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านปรสิตวิทยา อธิบายว่า โลนเป็นปรสิตขนาดเล็กเพียง 1 มม. รูปร่างคล้ายปู สีเทาอมน้ำตาล มักอาศัยอยู่ตามขนในที่ลับ ขนรักแร้ หรือแม้แต่ขนคิ้ว เพื่อดูดเลือดกินเป็นอาหาร วงจรชีวิตของพวกมันสั้นแต่แพร่พันธุ์ไว ไข่จะฟักภายใน 1 สัปดาห์ และหากไม่ได้กินเลือด พวกมันจะตายภายใน 24 ชั่วโมง

ติดง่ายผ่าน "เซ็กซ์" และของใช้ส่วนตัว

สาเหตุหลักของการติดเชื้อโลนมาจากการสัมผัสใกล้ชิด โดยเฉพาะการมี เซ็กซ์ หรือการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอน หรือเสื้อผ้า ซึ่งผู้ป่วยรายนี้ได้รับการรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อเฉพาะที่และยาทาน พร้อมคำแนะนำให้ทำความสะอาดเครื่องนอนและเสื้อผ้าด้วยน้ำร้อนจัดหรือตากแดดแรงๆ เพื่อฆ่าไข่ให้หมดสิ้น

สรุป: คันผิดปกติอย่าปล่อยไว้

แพทย์เตือนว่าโลนนั้นมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ยาก หากใครมีอาการคันรุนแรงในร่มผ้า โดยเฉพาะตอนกลางคืน หรือมีตุ่มประหลาด ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย อย่าซื้อยาทาเองเพราะอาจไม่ตรงโรค และควรรักษาคู่นอนไปพร้อมกันเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำไปซ้ำมา