กลายเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียล เมื่อมีการแชร์ภาพเหตุการณ์ภายในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง แสดงให้เห็นคุณแม่รายหนึ่งพาลูกชายวัยยังเล็กไปซื้อของตามปกติ แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดคิด เมื่อเด็กชายเผลอหยิบน้ำดื่มจากชั้นวางมาเปิดดื่มก่อนถึงเคาน์เตอร์ชำระเงิน จนกลายเป็นประเด็นถกเถียงทั้งในแง่กฎหมายและมารยาทในการใช้สถานที่สาธารณะ

จากภาพจะเห็นว่า เด็กชายยืนอยู่ในรถเข็นสินค้า กำลังดื่มน้ำจากขวดพลาสติก ขณะที่คุณแม่ยืนอยู่ข้าง ๆ เคาน์เตอร์ คาดว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างรอคิดเงิน โดยเด็กอาจเกิดความกระหายน้ำ และยังไม่เข้าใจว่าของที่ยังไม่จ่ายเงินไม่ควรเปิดใช้

อย่างไรก็ตาม เรื่องไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น เมื่อแหล่งข่าวระบุว่า พนักงานแคชเชอร์ได้เข้ามาแจ้งเตือน และชี้แจงว่าการเปิดสินค้าก่อนชำระเงินถือว่าผิดกฎของร้าน แม้จะมีเจตนาจะจ่ายในภายหลังก็ตาม ส่งผลให้คุณแม่รายนี้ต้องเสียค่าปรับตามระเบียบของทางห้าง ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าราคาน้ำดื่มหลายเท่า

เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับชาวเน็ตบางส่วน ที่มองว่าบทลงโทษอาจรุนแรงเกินไปสำหรับกรณีของเด็กเล็ก ขณะที่อีกฝ่ายกลับมองว่า กฎก็คือกฎ หากไม่ยึดถือ อาจกลายเป็นช่องโหว่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนในอนาคต

แต่สิ่งที่ทำให้กระแสโซเชียลเริ่มเปลี่ยนทิศทาง กลับไม่ใช่เรื่องค่าปรับ หากเป็น “ท่าทีของคุณแม่” ที่ได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลาม โดยมีรายงานว่า เธอไม่ได้โวยวายหรือแสดงความไม่พอใจต่อพนักงานแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เธอยอมรับผิด อธิบายกับลูกชายอย่างใจเย็นว่า การกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้อง และสอนให้ลูกกล่าวขอโทษ พร้อมชำระเงินและค่าปรับครบถ้วน

ชาวเน็ตจำนวนมากต่างแสดงความคิดเห็นในเชิงบวก โดยมองว่า แม้เหตุการณ์จะเป็นบทเรียนราคาแพง แต่การที่พ่อแม่ใช้โอกาสนี้สอนลูกเรื่องความรับผิดชอบและกฎระเบียบของสังคม ถือเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าเงินที่เสียไป หลายคนยกย่องว่าเป็นตัวอย่างของการเลี้ยงดูที่ดี ไม่ปกป้องลูกจนผิดหลัก แต่ก็ไม่ใช้ความรุนแรงหรืออารมณ์

ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมเด็กยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก เพราะเด็กยังไม่เข้าใจเรื่องการซื้อขาย การที่ผู้ปกครองอธิบายอย่างชัดเจน และใช้เหตุการณ์จริงเป็นบทเรียน จะช่วยปลูกฝังวินัยและความเข้าใจเรื่องสิทธิของผู้อื่นได้เป็นอย่างดี

สุดท้ายแล้ว เรื่องราวนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงข่าวดราม่าในห้างสรรพสินค้า แต่กลายเป็น “อุทาหรณ์พ่อแม่” ที่สะท้อนให้เห็นว่า การสอนลูกในสถานการณ์จริงสำคัญเพียงใด และบางครั้ง ท่าทีที่ถูกต้อง ก็อาจมีคุณค่ามากกว่าการหลีกเลี่ยงความผิดพลาดตั้งแต่แรก

---