ประเด็นเรื่อง “ไข่ต้ม” กับสุขภาพยังคงถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคำถามที่หลายคนสงสัยว่า การกินไข่ต้มทุกวันส่งผลดีหรือเป็นภาระต่อตับกันแน่ บางฝ่ายมองว่าไข่เป็นอาหารครบคุณค่า เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ขณะที่อีกหลายคนกลับกังวลเรื่องคอเลสเตอรอลและผลต่อการทำงานของตับ

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ไข่ไม่ได้เป็นศัตรูของตับ แต่ก็ไม่ใช่อาหารที่กินได้แบบไม่จำกัด หากกินไม่ถูกวิธีอาจส่งผลเสียได้เช่นกัน ต่อไปนี้คือ 4 เรื่องสำคัญที่ควรเข้าใจให้ถูกต้องก่อนกินไข่เป็นประจำ

1. เลือกวิธีปรุงที่ไม่เพิ่มภาระตับ
ไข่อุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพสูง วิตามิน และสารเลซิติน ซึ่งมีบทบาทช่วยซ่อมแซมเซลล์ตับ แต่หากนำไปทอดหรือผัดด้วยน้ำมันจำนวนมาก จะเพิ่มไขมันไม่ดี ทำให้ไขมันสะสมในร่างกาย และเพิ่มความเสี่ยงโรคตับไขมัน ไข่ต้มจึงเป็นรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด เพราะได้สารอาหารครบโดยไม่ทำให้ตับทำงานหนัก

2. ปริมาณสำคัญไม่แพ้คุณภาพ
ไข่ไก่ 1 ฟองมีคอเลสเตอรอลประมาณ 200 มิลลิกรัม สำหรับคนสุขภาพดี การกินวันละ 1–2 ฟองยังอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย แต่หากบริโภคมากเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง หรือมีปัญหาเกี่ยวกับตับและหัวใจ อาจส่งผลต่อระบบเผาผลาญ ควรจำกัดปริมาณให้เหมาะกับสภาพร่างกาย

3. การเก็บไข่ที่ถูกต้องช่วยลดความเสี่ยง
ไข่ที่เก็บไม่เหมาะสมหรือเก็บไว้นานอาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ และส่งผลกระทบต่อตับได้ ควรเก็บไข่ไว้ในตู้เย็น แยกจากอาหารสดอื่น และเลือกซื้อไข่ที่สดใหม่ หากนำไข่แช่น้ำแล้วลอยขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการบริโภค

4. ไข่แดงไม่ใช่ตัวร้ายอย่างที่คิด

หลายคนเลือกกินเฉพาะไข่ขาวเพราะกลัวคอเลสเตอรอล แต่ในความเป็นจริง ไข่แดงเป็นแหล่งของเลซิตินและวิตามินสำคัญ เช่น วิตามิน A, D และ E ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของตับ สำหรับคนที่สุขภาพแข็งแรง การกินไข่ทั้งฟองให้ประโยชน์มากกว่า อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อน

โดยสรุป ไข่ต้มเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพตับ หากกินอย่างถูกต้อง เลือกวิธีปรุงที่เหมาะสม ควบคุมปริมาณ เก็บรักษาให้ถูกวิธี และไม่ตัดไข่แดงทิ้ง การเข้าใจ 4 ข้อนี้จะช่วยให้คุณได้รับคุณค่าจากไข่เต็มที่ โดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว