แพทย์จาก โรงพยาบาลเด็กเมืองอู่ฮั่น (มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน) ได้ทำการผ่าตัดนำ ก้อนผมหนักประมาณ 2 กิโลกรัม ออกจากกระเพาะอาหารของเด็กหญิงวัย 15 ปีรายหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลมาจากพฤติกรรม ดึงและกินเส้นผมของตนเองต่อเนื่องยาวนานหลายปี

ตามรายงานของ หนังสือพิมพ์หูเป่ย์เดลี่ เด็กหญิงรายนี้มีชื่อเล่นว่า นีนี่ มาจากมณฑลเหอหนาน เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพร้อมมารดาเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในสภาพร่างกายผอมแห้ง สูง 1.60 เมตร แต่น้ำหนักเพียง 35 กิโลกรัม มีภาวะขาดประจำเดือนนาน 6 เดือน และเป็นโลหิตจางรุนแรง ก่อนหน้านี้เธอมักมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง รับประทานอาหารไม่ได้ และแทบไม่สามารถเดินได้

ผลการตรวจพบว่า กระเพาะอาหารของนีนี่ถูกก้อนผมและเศษอาหารอัดแน่นจนเกือบเต็มทั้งหมด แพทย์ระบุว่านี่คือสาเหตุหลักของภาวะทุพโภชนาการและอาการผิดปกติต่าง ๆ วันที่ 14 กรกฎาคม จึงได้ทำการผ่าตัดนำสิ่งแปลกปลอมออก ระหว่างการผ่าตัดยังพบว่า กระเพาะอาหารของเด็กหญิงขยายใหญ่กว่าปกติถึงสองเท่า

แพทย์ต้องผ่าตัดนำผมหนัก 2 กิโลกรัมออกจากกระเพาะของนีนี่

การผ่าตัดประสบความสำเร็จ ผ่านไป 5 วันหลังผ่าตัด นีนี่สามารถกลับมารับประทานอาหารได้ตามปกติและได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล เมื่อมาตรวจติดตามอาการในวันที่ 5 สิงหาคม สุขภาพของเธอดีขึ้นอย่างชัดเจน และยังนำช่อดอกไม้ที่ทำจากลูกอมมามอบให้แพทย์เพื่อแสดงความขอบคุณ

แพทย์รายหนึ่งให้คำเตือนว่า
“หากเด็กมีพฤติกรรมกินสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร เช่น เส้นผม หรือกระจก ต่อเนื่องเกินหนึ่งเดือนและไม่สามารถหยุดได้ ผู้ปกครองควรระวังภาวะความผิดปกติด้านการกิน และควรพาเด็กมาพบแพทย์โดยเร็ว”

ด้าน แพทย์หญิงหลิว ฟาง จากโรงพยาบาลจินหลิง เมืองหนานจิง อธิบายเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติด้านการกิน มักต้องได้รับการรักษาแบบผสมผสาน ทั้งการปรับโภชนาการ การบำบัดทางจิตใจ การใช้ยา และในบางกรณีอาจใช้การแพทย์แผนจีนหรือกายภาพบำบัดเพื่อลดอาการ

ก่อนหน้านี้ นิตยสาร People Reporter เคยเผยแพร่ข่าวในหัวข้อ
“ภาพชวนขนลุก: แพทย์ผ่าตัดนำผมหนัก 2 กิโลกรัมออกจากท้องเด็กสาววัย 15 ปี – คำเตือนถึงพฤติกรรมอันตรายอย่างยิ่ง”

เกือบเป็นลมเพราะปวดท้อง ซีดเซียว และขาดประจำเดือนนาน 6 เดือน

วันที่ 12 กรกฎาคม นีนี่ (นามสมมติ) วัย 15 ปี เดินทางจากเหอหนานพร้อมมารดามายังโรงพยาบาลเด็กอู่ฮั่น เพื่อตรวจรักษา เธอสูง 1.60 เมตร แต่น้ำหนักเพียง 35 กิโลกรัม และไม่มีประจำเดือนมานานถึงครึ่งปี แม้จะพยายามรักษาด้วยแพทย์แผนจีน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น ช่วงหลังเธอปวดท้องบ่อย กินอาหารไม่ได้ และก่อนมารพ.เพียง 2 วัน ยังเกือบเป็นลมขณะออกจากบ้าน

แพทย์เฉิน ฉยง รองหัวหน้าแผนกทางเดินอาหาร พบว่าเด็กหญิงมีผิวซีด เล็บขาดเลือด ผลตรวจเลือดพบระดับฮีโมโกลบินเพียง 59 กรัม/ลิตร ซึ่งถือเป็นภาวะโลหิตจางรุนแรง (ค่าปกติอยู่ที่ประมาณ 110 กรัม/ลิตร) อัลตราซาวด์สงสัยว่ามีก้อนแข็งในกระเพาะอาหาร ซึ่งพบได้น้อยมากในเด็ก

ก้อนผมขนาดเท่าผลแตงโมในกระเพาะอาหาร

เมื่อซักประวัติเพิ่ม มารดาของนีนี่เล่าว่า ตั้งแต่เรียนชั้นประถมปีที่ 3 ครอบครัวเริ่มสังเกตเห็นว่าเด็กหญิงมีพฤติกรรม กินเส้นผมของตนเอง และพฤติกรรมนี้ดำเนินต่อเนื่องยาวนานถึง 6 ปี

การส่องกล้องพบว่า ช่องกระเพาะอาหารถูกก้อนผมสีดำสนิทอัดแน่นทั้งหมด เส้นผมพันกันแน่นปะปนกับเศษอาหาร กลายเป็นก้อนแข็งคล้าย “นิ่วผม” นอกจากนี้ยังพบแผลในกระเพาะอาหารขนาดเท่าไข่ไก่

แพทย์ระบุว่า ก้อนผมนี้เป็นสาเหตุของภาวะทุพโภชนาการ โลหิตจางรุนแรง และการขาดประจำเดือน จึงจำเป็นต้องผ่าตัดเปิดช่องท้องเพื่อนำสิ่งแปลกปลอมออกโดยเร็ว

ผ่าตัดนานกว่า 2 ชั่วโมง นำผมออกได้ 2 กิโลกรัม

วันที่ 14 กรกฎาคม การผ่าตัดนำโดย แพทย์โจว เจิ้นเซิ่น รองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมตับ ถุงน้ำดี และเนื้องอก เมื่อเปิดช่องท้องพบว่ากระเพาะอาหารขยายใหญ่กว่าปกติถึงสองเท่า และมีกลิ่นเปรี้ยวแรง

ก้อน “นิ่วผม” สีดำ แข็ง ขนาดใกล้เคียงแตงโมเล็ก ๆ เกิดจากเส้นผมและอาหารอัดแน่น เนื่องจากก้อนมีขนาดใหญ่และแข็งมาก แพทย์ไม่สามารถนำออกทั้งก้อนได้ ต้องตัดแบ่งและคีบออกทีละส่วน การผ่าตัดใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง สุดท้ายสามารถนำผมออกได้ประมาณ 4 ชั่งจีน หรือราว 2 กิโลกรัม

ฟื้นตัวดีหลังผ่าตัด นำช่อ “ลูกอมดอกไม้” ขอบคุณแพทย์

หลังผ่าตัดวันที่ 19 กรกฎาคม นีนี่เริ่มรับประทานอาหารได้ตามปกติและมีความอยากอาหารมากขึ้น เมื่อมาตรวจซ้ำในวันที่ 5 สิงหาคม สีหน้าสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และได้นำช่อดอกไม้ที่ทำจากลูกอมมามอบให้ทีมแพทย์เพื่อแสดงความขอบคุณ

“กลุ่มอาการราพันเซล” และโรคพฤติกรรมกินสิ่งแปลกปลอม อย่ามองข้าม

แพทย์โจว เจิ้นเซิ่น อธิบายว่า นีนี่เข้าข่าย กลุ่มอาการราพันเซล (Rapunzel Syndrome) ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของโรค พฤติกรรมกินสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร (pica) ผู้ป่วยมักกินสิ่งของอย่างเส้นผม ดิน หรือกระดาษ

เส้นผมมีเคราติน ซึ่งร่างกายไม่สามารถย่อยได้ เมื่อกลืนเข้าไปจะสะสมในกระเพาะอาหาร และค่อย ๆ จับตัวเป็นก้อนแข็งที่ยากต่อการขับออกตามธรรมชาติ

เตือนผู้ปกครอง: พฤติกรรมกินสิ่งแปลกปลอมคือโรค ต้องรักษาแต่เนิ่น ๆ

แพทย์เหยียน เสวียเฉียง รองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดี ระบุว่า เด็กเล็กมักมีพฤติกรรมหยิบของเข้าปากจากความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในบางช่วงวัย แต่หากเด็ก รู้ว่าสิ่งนั้นไม่ใช่อาหารและยังควบคุมตนเองไม่ได้ ต่อเนื่องเกินหนึ่งเดือน นั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคพฤติกรรมกินสิ่งแปลกปลอม

ในกรณีเช่นนี้ ผู้ปกครองควรพาเด็กเข้ารับการตรวจจากแพทย์เฉพาะทาง เพื่อหาสาเหตุด้านจิตใจหรือร่างกาย และเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพในระยะยาว