หลายคนเชื่อว่าการกินผักมาก ๆ เป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ เพราะผักมีวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหารที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี แต่ในความเป็นจริง “ไม่ใช่ผักทุกชนิด” ที่จะเหมาะกับการกินเป็นประจำ โดยเฉพาะผักบางชนิดที่หากรับประทานมากเกินไปหรือกินบ่อย ๆ อาจส่งผลเสียต่อตับ ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่กำจัดของเสียออกจากร่างกาย

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเตือนว่า ผัก 4 ชนิดต่อไปนี้ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เพราะอาจมีสารบางอย่างที่กระทบต่อการทำงานของตับ หากกินติดต่อกันเป็นเวลานาน

---

1. ถั่วงอก

แม้ถั่วงอกจะมีวิตามินและไฟเบอร์สูง แต่ในกระบวนการผลิตมักมีการใช้สารเคมีหรือฮอร์โมนเร่งการงอก หากไม่ได้ล้างให้สะอาดก่อนปรุงอาหาร อาจมีสารตกค้างที่ทำให้ตับต้องทำงานหนักมากขึ้น

2. ผักโขม (หรือผักขม)

ผักโขมมีกรดออกซาลิก (Oxalic acid) สูง ซึ่งหากร่างกายได้รับมากเกินไป จะไปขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมและอาจสะสมจนเกิดนิ่วในไตและภาระต่อตับได้

3. มะเขือ (โดยเฉพาะมะเขือเปราะและมะเขือยาว)

ในมะเขือมีสารโซลาไนน์ (Solanine) ซึ่งหากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ มึนงง และเป็นพิษต่อตับได้ โดยเฉพาะมะเขือที่เก็บไว้นานจนเริ่มเปลี่ยนสีหรือมีรสขม

4. ผักดองหรือผักแช่เกลือ

แม้จะอร่อยและเก็บได้นาน แต่ผักดองมักมีปริมาณโซเดียมสูง และบางครั้งอาจมีไนไตรต์ (Nitrite) ซึ่งเป็นสารที่เพิ่มภาระให้ตับและอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคตับในระยะยาว

---

หมอแนะนำ

เพื่อสุขภาพของตับและร่างกายโดยรวม ควรรับประทานผักให้หลากหลาย หมั่นล้างให้สะอาดก่อนปรุง และหลีกเลี่ยงการกินผักชนิดเดิมซ้ำ ๆ ในปริมาณมากทุกวัน รวมถึงดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ระบบขับของเสียทำงานได้ดี

สุขภาพดีเริ่มได้จาก “ความพอดี” ในทุกสิ่ง แม้แต่สิ่งที่ดูเหมือนปลอดภัยที่สุดอย่าง “ผัก” ก็ยังต้องรู้จักเลือกและบริโภคอย่างมีสติ