ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วงการวิทยาศาสตร์ทางอาหารและโภชนาการของประเทศไทยได้ให้ความสนใจอย่างมากต่อการศึกษาคุณสมบัติทางชีวภาพของอาหารพื้นบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารทะเลซึ่งเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมการกินของคนไทย ล่าสุดมีการค้นพบที่สร้างความตื่นเต้นในวงการวิทยาศาสตร์และสาธารณสุข คือ การพบว่าปลานิล ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทย อาจมีคุณสมบัติช่วยต้านการเกิดมะเร็งได้

ทีมนักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้ทำการศึกษาโปรตีนและกรดไขมันที่พบในเนื้อปลานิล โดยพบว่าสารบางชนิดในเนื้อปลา เช่น กรดไขมันโอเมก้า-3 เปปไทด์ชนิดพิเศษ และสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ สามารถช่วยลดการอักเสบในระดับเซลล์และยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในห้องทดลองได้ การค้นพบนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะแสดงให้เห็นว่าอาหารพื้นบ้านธรรมดาอาจมีศักยภาพในการป้องกันโรคที่ร้ายแรงอย่างมะเร็งได้

ปลานิลเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ราคาย่อมเยา และเป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง คนไทยบริโภคปลานิลในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นปลานิลเผาเกลือ ต้มยำ หรือทอดกรอบ แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ ส่วนของเนื้อปลาและน้ำมันที่สกัดได้จากปลานิลอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก เมื่อมีการวิจัยเพิ่มเติม นักวิทยาศาสตร์ยังพบว่าโปรตีนจากปลานิลสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น ซึ่งมีผลโดยอ้อมในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งในระยะยาว

แม้ว่าการค้นพบนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเบื้องต้น แต่ผลการทดลองได้เปิดประตูสู่แนวทางใหม่ในการพัฒนาอาหารฟังก์ชัน (functional food) จากวัตถุดิบพื้นบ้านของไทย นักวิจัยคาดว่าหากมีการศึกษาต่อเนื่องในระดับคลินิก ก็อาจนำไปสู่การผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรืออาหารเพื่อสุขภาพที่มีส่วนประกอบจากปลานิล ซึ่งช่วยเสริมการป้องกันโรคมะเร็งได้จริงในอนาคต

นอกจากประโยชน์ทางสุขภาพแล้ว การค้นพบนี้ยังอาจส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของชุมชนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลานิลทั่วประเทศ เพราะจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์จากปลาไทยและสร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

กล่าวโดยสรุป การค้นพบคุณสมบัติต้านมะเร็งของปลานิลไม่เพียงแต่เป็นก้าวสำคัญทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทยเห็นคุณค่าของอาหารพื้นบ้านมากขึ้น การกินปลาอย่างสมดุลและสม่ำเสมอไม่เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังอาจเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันโรคร้ายในอนาคตได้อีกด้วย