ระหว่างการใช้งานตู้เย็น การที่ช่องแช่แข็งเกิดน้ำแข็งเกาะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชั้นน้ำแข็งเหล่านี้ไม่เพียงแต่กินพื้นที่ ทำให้พื้นที่เก็บของลดลง แต่ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของตู้เย็นอีกด้วย บางครั้งน้ำแข็งอาจหนาจนยากต่อการจัดการ ดังนั้น การละลายน้ำแข็งจึงเป็นสิ่งจำเป็น

เพื่อทำความสะอาดน้ำแข็งที่เกาะอยู่รอบ ๆ ตู้เย็น หลายคนมักใช้พายหรือสิ่วขูดน้ำแข็ง แต่วิธีนี้ไม่เพียงไม่ค่อยได้ผล แต่ยังอาจทำให้ตู้เย็นเสียหายได้อีกด้วย มีวิธีง่าย ๆ แต่ได้ผลกว่ามากในการละลายน้ำแข็ง นั่นคือการใช้น้ำอุ่น

เริ่มแรก ให้คุณถอดปลั๊กตู้เย็นออก เตรียมผ้าแห้งหนึ่งผืนและกะละมังน้ำอุ่น นำถาดหรือชั้นเก็บของในตู้เย็นออก แล้ววางผ้าแห้งไว้ด้านล่างของตู้เย็นเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลออกมาเมื่อน้ำแข็งละลาย

เตรียมกะละมังใส่น้ำอุ่น (อุณหภูมิประมาณ 40-50°C ไม่ควรร้อนเกินไปเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวภายในตู้เสียหาย) จากนั้นปิดประตูตู้เย็นและรอประมาณ 10 นาที น้ำแข็งจะค่อย ๆ ละลายและหลุดออกมาเอง คุณยังสามารถใช้ไดร์เป่าผมในโหมดลมร้อนเพื่อช่วยให้น้ำแข็งละลายเร็วขึ้นได้ สุดท้าย ใช้ผ้าเช็ดน้ำที่เหลืออยู่ในตู้ให้แห้ง

น้ำอุ่นมีพลังงานความร้อนสูงกว่าน้ำแข็งมาก เมื่อวัตถุที่มีอุณหภูมิต่างกันสัมผัสกัน ความร้อนจะถ่ายเทจากวัตถุที่ร้อนกว่า (น้ำอุ่น) ไปยังวัตถุที่เย็นกว่า (น้ำแข็ง) กระบวนการถ่ายเทความร้อนนี้ทำให้น้ำแข็งเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลวอย่างรวดเร็ว การใช้น้ำอุ่นทำความสะอาดช่องแช่แข็งจึงเป็นวิธีละลายน้ำแข็งที่ได้ผล ประหยัดเวลาและแรง

หลังจากทำความสะอาดช่องแช่แข็งแล้ว ควรปล่อยให้ตู้เย็นว่างไว้สักพักให้ภายในเย็นลงก่อนนำอาหารกลับเข้าไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดน้ำแข็งเกาะซ้ำ นอกจากนี้ สาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้ตู้เย็นเกิดน้ำแข็งเกาะ คือการตั้งอุณหภูมิของช่องแช่แข็งต่ำเกินไป ซึ่งทำให้น้ำแข็งก่อตัวเร็วขึ้น อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับช่องแช่แข็งอยู่ที่ประมาณ -18°C ถึง -20°C แม้ในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนมาก ก็ไม่ควรตั้งอุณหภูมิต่ำสุด เพราะจะทำให้เปลืองไฟและทำให้น้ำแข็งก่อตัวภายในตู้เย็นได้ง่าย

นอกจากนี้ ควรทำความสะอาดรูระบายน้ำของตู้เย็นเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกอุดตันและส่งผลต่อการทำงานของตู้เย็น รูระบายน้ำมักอยู่บริเวณช่องเก็บของสด หากรูนี้อุดตัน ไอน้ำจะไม่สามารถระบายออกได้ง่ายและจะทำให้เกิดน้ำแข็งภายในตู้เย็น