นางหลิว เหม่ย หญิงวัย 54 ปี ชาวจีน กลายเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจในสื่อสุขภาพของจีน หลังจากเธอต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการปวดท้องและท้องเสียเรื้อรัง
สาเหตุไม่ใช่อาหารเป็นพิษหรือเชื้อโรคใด ๆ แต่กลับมาจาก "ขิง" ที่เธอกินเป็นประจำทุกวันตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา

🌿 ความตั้งใจเริ่มต้นดี แต่ผลลัพธ์กลับตรงข้าม

หลังจากเกษียณ นางหลิวเริ่มหันมาดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น เธออ่านเจอบทความสุขภาพบนอินเทอร์เน็ตที่กล่าวว่า
“ขิงช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย และเสริมภูมิคุ้มกันได้”

ด้วยความเชื่อมั่น เธอจึงซื้อขิงสดจำนวนมากเก็บไว้ที่บ้าน และตั้งใจจะกิน “ขิงวันละหัว” โดยคิดว่าเป็นเคล็ดลับแห่งความอ่อนเยาว์

ในช่วงเดือนแรก เธอรู้สึกว่าร่างกายอบอุ่นขึ้น เหงื่อออกดี ไม่ค่อยเป็นหวัด จึงเชื่อว่าการกินขิงทุกวันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
แต่หลังจากเข้าสู่เดือนที่ 3 เธอเริ่มมีอาการ ปวดท้อง แสบท้อง และถ่ายเหลวบ่อยครั้ง
ตอนแรกเธอคิดว่าเพราะกินอาหารไม่ย่อย แต่เมื่ออาการไม่ดีขึ้นจึงไปโรงพยาบาลตรวจ

ผลตรวจทำให้เธอตกใจ — แพทย์วินิจฉัยว่าเธอเป็น แผลในกระเพาะอาหาร (Gastric Ulcer)

👩‍⚕️ หมอเฉลยต้นเหตุ – “กินขิงมากเกินไป”

นายแพทย์อวี่ อิ๋งเซียน หัวหน้าแผนกแพทย์แผนจีน โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยการแพทย์ฮาร์บิน อธิบายว่า
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีรสเผ็ดร้อน มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ขับลม แก้หนาวเย็น และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
แต่ในขณะเดียวกัน ความเผ็ดร้อนของขิงก็มาจากสารที่ชื่อว่า “จินเจอรอล (Gingerol)” ซึ่งสามารถระคายเคืองเยื่อบุกระเพาะอาหารได้

“ถ้ากินในปริมาณที่พอเหมาะ เช่น วันละ 1–2 กรัม จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่ถ้ากินเกิน 5 กรัมต่อวัน โดยเฉพาะแบบสด ๆ
อาจทำให้เยื่อบุกระเพาะถูกกัดกร่อนเรื่อย ๆ จนเกิดแผลในที่สุด”
— แพทย์อวี่กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าผู้ที่กินขิงสดมากเกินไปอาจมีอาการ ท้องเสีย แน่นท้อง แสบคอ หรือแสบปาก เนื่องจากฤทธิ์ร้อนของขิงแรงเกินไป
โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหากระเพาะอยู่แล้ว ยิ่งควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

🧬 วิทยาศาสตร์ยืนยัน “ขิงดีจริง แต่ต้องกินให้ถูกวิธี”

งานวิจัยจากสถาบันผู้สูงอายุแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Institute on Aging)
เผยว่าสารสกัดบางชนิดในขิง เช่น Shogaenone A และ 6-Shogaol
มีฤทธิ์ช่วยลดการเกิดเซลล์เสื่อมและชะลอกระบวนการชราได้จริง

อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยนั้นใช้ “สารสกัดบริสุทธิ์จากขิง” ไม่ใช่การกินขิงสดโดยตรง
ดังนั้น การกินขิงสดมาก ๆ ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยชะลอวัยได้เท่ากับการใช้สารสกัดในห้องแล็บ

“อย่าคิดว่าอาหารสุขภาพจะดีเสมอไปถ้ากินมาก ๆ
สมุนไพรทุกชนิดมีทั้งคุณและโทษ ขึ้นอยู่กับปริมาณและร่างกายของแต่ละคน”
— หมอย้ำเตือน

⚠️ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ

แพทย์แนะนำว่าผู้ที่ชอบกินขิงควรกินเพียง สัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 2 กรัม
และควรนำขิงไปปรุงร่วมกับอาหารอื่น ๆ มากกว่ากินสดโดยตรง เพื่อให้ฤทธิ์เผ็ดร้อนลดลง
นอกจากนี้ ควรรับประทานอาหารให้หลากหลาย ไม่พึ่งพาอาหารชนิดเดียวเพื่อหวังผลลัพธ์ทางสุขภาพ

🧡 บทสรุป

กรณีของนางหลิว เหม่ย เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า “ของดีถ้าใช้ไม่ถูกวิธี ก็กลายเป็นโทษได้”
เธอต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะความเชื่อว่า “กินขิงทุกวันจะไม่แก่” แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม
สุดท้ายเธอยอมรับว่าเรียนรู้บทเรียนราคาแพง — และสาบานว่าจะ “ไม่กล้าแตะขิงสดอีกตลอดชีวิต”