เรื่องราวของเด็กหญิงวัย 5 ขวบที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ทำให้หลายคนต้องสะเทือนใจและหันกลับมาทบทวนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะ “มื้อเช้า”

มื้อเช้าไม่เพียงแต่เป็นการเริ่มต้นวันใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ร่างกายต้องการพลังงานหลังจากพักผ่อนมาทั้งคืน อาหารที่เรารับประทานในตอนเช้าจะส่งผลโดยตรงต่อความกระปรี้กระเปร่า สมาธิในการเรียนหรือทำงาน และสุขภาพในระยะยาว อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการกินอาหารเช้าที่ไม่ถูกต้องหรือขาดหลักโภชนาการอาจก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรง และเรื่องราวอันน่าเศร้าของเด็กหญิงวัย 5 ขวบที่ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายนี้ คือสัญญาณเตือนสำคัญสำหรับพ่อแม่ทุกคน

ในปี 2018 หนังสือพิมพ์ Huaxi Metropolis Daily ของประเทศจีนได้รายงานข่าวที่สร้างความตกตะลึง เมื่อเด็กหญิงวัย 5 ขวบชื่อ ฮุ่ยหนี (慧妮) ถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หลังจากเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลประชาชนหมายเลข 1 เมืองเฉิงตู ในปีเดียวกัน เด็กหญิงอีกคนอายุ 10 ปีก็ถูกพบว่ามีก้อนเนื้อขนาด 3 เซนติเมตรบริเวณต่อมไทรอยด์ ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเช่นกัน

สิ่งที่ทำให้แพทย์กังวลมากที่สุด ไม่ใช่เพียงผลวินิจฉัยของโรคเท่านั้น แต่คือ “สาเหตุของการเกิดโรค”
เด็กทั้งสองมีพฤติกรรมการกินอาหารเช้าที่คล้ายกัน คือชอบรับประทานอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน น้ำอัดลม และของกินเล่น โดยเฉพาะ “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ที่แทบจะกินทุกเช้า

อาหารเหล่านี้ที่ดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยในชีวิตประจำวัน กลับซ่อนอันตรายที่อาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ และถึงขั้นก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้เช่นกรณีของเด็กทั้งสองคนนี้

นักโภชนาการอธิบายว่า อาหารฟาสต์ฟู้ดอย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรือไส้กรอกมักมีสารกันบูด สีสังเคราะห์ น้ำมันที่ย่อยยาก และโดยเฉพาะ “ไนไตรต์” ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นสารก่อมะเร็ง “ไนโตรซามีน” ภายในกระเพาะอาหารที่มีสภาวะเป็นกรด เมื่อบริโภคเป็นประจำ โดยเฉพาะตอนท้องว่างในช่วงเช้า สารเหล่านี้จะซึมเข้าสู่ร่างกายและทำลายเยื่อบุกระเพาะ ตับ ไต และต่อมไทรอยด์ได้ง่าย

ที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ เด็ก ๆ มักชื่นชอบอาหารเหล่านี้เพราะมีรสชาติอร่อย กินง่าย และสะดวก แต่หากพฤติกรรมนี้ดำเนินไปนานหลายเดือนหรือหลายปี โดยเฉพาะในช่วงวัยที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโต ก็อาจนำไปสู่โรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจ หรือแม้แต่มะเร็ง

มื้อเช้าจึงไม่ใช่เพียงอาหารมื้อแรกของวัน แต่เป็นหัวใจสำคัญในการเสริมพลังงาน คงความสดชื่น และสนับสนุนการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ของเด็ก

ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการแนะนำว่า พ่อแม่ควรจัดมื้อเช้าที่สมดุลและครบ 4 หมู่ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมันดี และวิตามิน–แร่ธาตุ แทนการเลือกอาหารแปรรูปหรืออาหารสะดวกซื้อที่มีสารเคมีมากเกินไป

ตัวอย่างมื้อเช้าที่ดี เช่น ข้าวโอ๊ตต้มกับนมหรือผลไม้ ซึ่งให้ไฟเบอร์และดีต่อระบบย่อยอาหาร ข้าวหรือขนมปังควรกินคู่กับไข่ต้ม อกไก่ หรือเต้าหู้และผักลวก อาหารประเภทน้ำอย่างก๋วยเตี๋ยวหรือซุปที่ต้มจากน้ำกระดูกจริงก็ถือว่าดี ตราบใดที่ไม่เติมเครื่องปรุงรสอุตสาหกรรมมากเกินไป ส่วนเครื่องดื่มควรเลือกนมสดไม่หวาน นมธัญพืช หรือน้ำผลไม้คั้นสด แทนน้ำอัดลม

การรับประทานอาหารเช้าที่ถูกต้องและเพียงพอทุกวัน จะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น มีภูมิคุ้มกันแข็งแรง และเป็นรากฐานสำคัญของสุขภาพที่ดีในระยะยาว