มะเขือม่วงถือเป็นผักที่หลายครัวเรือนรู้จักกันดี รสชาติอร่อย ทำเมนูได้หลากหลาย ทั้งผัด ต้ม ย่าง และยังให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ไม่ว่าจะเป็นใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ส่งเสริมสุขภาพหัวใจและระบบย่อยอาหาร จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนเรียกมะเขือม่วงว่า “ราชาแห่งผัก”

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผักชนิดนี้จะมีประโยชน์มากเพียงใด ก็ยังมีกลุ่มคนบางส่วนที่ควรหลีกเลี่ยงการกินมะเขือม่วง เพราะอาจได้รับผลกระทบทางสุขภาพโดยไม่รู้ตัว มาดูกันว่า 4 กลุ่มที่ควรระวังมีใครบ้าง

1. ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง หรือร่างกายขาดธาตุเหล็ก

มะเขือม่วงมีสารชนิดหนึ่งที่สามารถลดการดูดซึมธาตุเหล็กของร่างกายได้ หากกินบ่อยหรือปริมาณมาก ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางอาจมีอาการแย่ลง เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง ดังนั้นหากกำลังรักษาภาวะโลหิตจางอยู่ ควรลดปริมาณหรือหลีกเลี่ยงผักชนิดนี้ชั่วคราว

2. ผู้ที่มีปัญหาระบบไต หรือมีนิ่วในไต

มะเขือม่วงมีสารออกซาเลตในระดับหนึ่ง ซึ่งอาจสะสมจนเกิดภาวะนิ่วในไตได้ในบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เคยมีประวัติเป็นนิ่วมาก่อน หรือไตทำงานไม่สมบูรณ์ ควรเลือกผักชนิดอื่นที่ปลอดภัยกว่าต่อการทำงานของไต

3. ผู้ที่มีอาการแพ้ผักตระกูลโซลานาเซีย

มะเขือม่วงอยู่ในกลุ่มเดียวกับมะเขือเทศ มันฝรั่ง และพริก ผู้ที่ไวต่อผักกลุ่มนี้อาจมีอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน หน้าบวม ปากชา หรือในบางรายรุนแรงถึงขั้นหายใจติดขัด หากเคยมีอาการผิดปกติหลังทานผักตระกูลนี้ ควรหลีกเลี่ยงทันที

4. ผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตและหัวใจ

สำหรับบางคน สารบางชนิดในมะเขือม่วงอาจกระตุ้นให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้เล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อทานร่วมกับอาหารเค็ม ไขมันสูง หรือทานในปริมาณมากเป็นประจำ ผู้ที่มีความเสี่ยงเรื่องเส้นเลือดและหัวใจจึงควรใส่ใจปริมาณการทานมากเป็นพิเศษ

แม้ว่ามะเขือม่วงจะส่งผลกระทบต่อบางกลุ่ม แต่สำหรับคนทั่วไปยังถือเป็นผักที่มีประโยชน์มาก สามารถช่วยควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากให้พลังงานต่ำ อิ่มนาน และยังช่วยเรื่องการทำงานของลำไส้ การเลือกปรุงอาหารแบบสุขภาพ เช่น ย่าง ต้ม นึ่ง แทนการทอด จะยิ่งช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่

คำแนะนำสำคัญคือ
• กินในปริมาณพอดี ไม่มากเกินไป
• ทานร่วมกับผักหลากหลายชนิด
• สังเกตอาการร่างกายหลังรับประทานเสมอ

หากคุณหรือคนใกล้ตัวอยู่ใน 4 กลุ่มที่กล่าวมา ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนรับประทาน หากอยากกินเป็นครั้งคราว ควรอยู่ในปริมาณที่น้อยและสังเกตอาการของร่างกายอย่างใกล้ชิด รวมถึงปรึกษาแพทย์หากมีความกังวลด้านสุขภาพร่วมด้วย

แม้มะเขือม่วงจะขึ้นชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งผัก” แต่ทุกสิ่งล้วนมีข้อจำกัด การรู้ว่าร่างกายของเราเหมาะกับอะไรและควรหลีกเลี่ยงอะไร คือกุญแจสำคัญของการดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง ขอให้คุณเลือกกินอย่างฉลาด และสุขภาพดีไปนานๆ ครับ