เกิดเหตุสะเทือนใจขึ้นในประเทศไทย เมื่อชายวัย 42 ปีรายหนึ่งเกิดอาการวูบกะทันหันและเสียชีวิตในที่สุดจากโรคหลอดเลือดสมอง แม้ว่าเขาจะไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา แต่สิ่งที่แพทย์พบกลับทำให้ทุกคนตกตะลึง — เขามี “ฆาตกรเงียบ” อยู่ในเมนูอาหารประจำวัน นั่นคือ “ของทอด”

ชายคนนี้กินของทอดแทบทุกมื้อเป็นเวลานานกว่า 10 ปี — เช้า “ปาท่องโก๋” กลางวัน “ไก่ทอด” เย็น “ลูกชิ้นทอด” — พฤติกรรมนี้ทำให้เขาเป็นโรคอ้วนและไขมันในเลือดสูงตั้งแต่อายุยังน้อย จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดอาการล้มหมดสติ ถูกวินิจฉัยว่าเป็น “ภาวะหลอดเลือดสมองตีบเฉียบพลัน (ischemic stroke)” แม้ได้รับการช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วนแต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้

ตามรายงานของ วารสารโรคหัวใจแห่งสหรัฐฯ (American Heart Journal) ผู้ที่รับประทานของทอดเป็นประจำทุกวันมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นถึง 28% เมื่อเทียบกับคนทั่วไป ขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังจัดให้ “ไขมันทรานส์ (Trans Fat)” — สารที่เกิดจากน้ำมันทอดซ้ำ — เป็น “สารพิษร้ายแรง” ที่คร่าชีวิตผู้คนกว่า 500,000 รายทั่วโลกต่อปี

เบื้องหลังความกรอบอร่อยคือ “กับดักมรณะ” ของหลอดเลือด

1. ไขมันทรานส์ทำลายผนังหลอดเลือด
น้ำมันที่ถูกให้ความร้อนซ้ำหลายครั้งจะเกิดไขมันทรานส์ ซึ่งเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) และลดคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ทำให้หลอดเลือดแข็ง เปราะ และตีบง่าย — ปูทางสู่โรคหลอดเลือดสมอง

2. คอเลสเตอรอลถูกออกซิไดซ์กลายเป็นพิษ
เมื่ออาหารผ่านกระบวนการทอด คอเลสเตอรอลในอาหารจะเปลี่ยนเป็น “Ox-LDL” ที่ไปเกาะผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดการอักเสบและคราบไขมันอุดตัน

3. ของทอดกระตุ้นการอักเสบเรื้อรังทั่วร่างกาย
น้ำมันทอดซ้ำจะมีสารอัลดีไฮด์และสารก่ออักเสบ ทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะอักเสบต่อเนื่อง โดยเฉพาะหัวใจและสมองได้รับผลกระทบมากที่สุด

4. เพิ่มภาระการเผาผลาญของร่างกาย
อาหารที่มีไขมันสูงทำให้น้ำหนักเกิน ดื้อต่ออินซูลิน และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง — ตัวแปรสำคัญของโรคหลอดเลือดสมอง

4 วิธี “ฟื้นหลอดเลือด” หลังติดของทอด

1. เปลี่ยนวิธีทำอาหาร
ใช้หม้อทอดไร้น้ำมัน เตาอบ หรือวิธีนึ่ง ต้ม แทนการทอด เพื่อลดน้ำมันโดยยังคงความอร่อย เช่น ไก่อบ แซลมอนย่าง หรือผักอบกรอบ

2. จำกัดปริมาณและความถี่
ควรกินของทอดไม่เกิน 2 ครั้งต่อเดือน และไม่เกิน 50 กรัมต่อครั้ง (ประมาณปาท่องโก๋ 2 ชิ้นเล็ก)

3. กินคู่กับอาหาร “ล้างหลอดเลือด”
หลังมื้ออาหารที่มีไขมันสูง ควรกินข้าวโอ๊ต แอปเปิล ผักใบเขียว ชาเขียว หรือบลูเบอร์รี เพื่อช่วยขจัดไขมันและลดคอเลสเตอรอล

4. ตรวจสุขภาพหลอดเลือดเป็นประจำ
ผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปีควรตรวจระดับไขมันในเลือด อัลตราซาวนด์หลอดเลือด และค่าฮอมอซิสเทอีนปีละครั้ง หากค่า LDL เกิน 3.4 mmol/L ควรเข้ารับการรักษาทันที

อย่าปล่อยให้ “ความอร่อย” กลายเป็นยาพิษ

หลายคนคิดว่า แค่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา ก็เพียงพอแล้ว แต่ในความจริง “ของทอดจานเดียวต่อวัน” ก็อาจทำลายหลอดเลือดได้เช่นกัน แพทย์เตือนว่า “สมองและหัวใจไม่อาจทนต่อการถูกทำร้ายจากน้ำมันทอดซ้ำได้ทุกวัน”

หากอยากป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ต้องยึดหลัก “3 ต่ำ 1 สูง” — ไขมันต่ำ, น้ำตาลต่ำ, เกลือต่ำ และไฟเบอร์สูง ควบคู่กับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับเพียงพอ และควบคุมน้ำหนัก

เรื่องราวของชายวัย 42 ปีนี้เป็นบทเรียนราคาแพง — อย่ารอให้ร่างกายเตือนก่อนค่อยเปลี่ยนแปลง เพราะบางครั้ง “ของทอดคำเดียว” อาจต้องแลกด้วยชีวิตทั้งชีวิต

แหล่งที่มา: Sohu / WHO / American Heart Journal