เมื่อลูกค้าไปเลือกซื้อเนื้อสัตว์ตามตลาดสด หลายคนอาจเคยสังเกตเห็นพ่อค้าแม่ค้าบางรายใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดผิวหน้าเนื้ออยู่เสมอ บางคนเห็นแล้วเกิดความสงสัยว่าเป็นวิธีที่ถูกสุขลักษณะหรือไม่ ทำไปเพื่ออะไร และปลอดภัยกับผู้บริโภคหรือเปล่า พฤติกรรมนี้จึงเป็นเรื่องที่ถูกตั้งคำถามมาโดยตลอด วันนี้เราจะพาไปสำรวจเหตุผลที่แท้จริงจากมุมมองของผู้ขายและข้อควรรู้ด้านสุขอนามัยที่ผู้บริโภคต้องใส่ใจ

ก่อนอื่น ต้องเข้าใจก่อนว่าการเช็ดเนื้อมีวัตถุประสงค์หลักคือ “ทำให้เนื้อดูสดใหม่อยู่เสมอ” เนื้อที่วางขายบนเขียงนานอาจมีน้ำเลือดซึมขึ้นมาบนผิว ทำให้ดูไม่สวย สีคล้ำ และไม่น่าซื้อ ผู้ขายจึงใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดเพื่อลดความชื้นและคราบเลือดบนผิวเนื้อ ทำให้สีเนื้อกลับมาดูแดงสด ดูเหมือนเพิ่งแล่เสร็จใหม่ๆ ลูกค้าจึงมีความมั่นใจมากขึ้นในการเลือกซื้อ

อีกเหตุผลหนึ่งคือช่วยกำจัดเศษผงหรือแมลงที่อาจปลิวมาติดผิวเนื้อในพื้นที่ตลาดที่มีฝุ่นละอองมากกว่าห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้ผิวเนื้อแห้งและแข็ง ซึ่งอาจส่งผลต่อรสสัมผัสเมื่อปรุงอาหาร ผู้ขายจำนวนมากยืนยันว่า หากไม่เช็ดเนื้อเป็นระยะ เนื้อจะดูไม่น่าซื้อ แม้คุณภาพภายในยังดีอยู่ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้บริโภคหลายคนกังวลคือเรื่อง “ความสะอาดของผ้า” หากผ้าไม่ได้เปลี่ยนหรือซักบ่อยๆ การเช็ดซ้ำไปซ้ำมาอาจทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายบนผิวเนื้อแทนที่จะทำให้สะอาด โดยเฉพาะเชื้อที่มากับอุณหภูมิห้องในตลาดสดที่ร้อนและชื้น เป็นเงื่อนไขที่เหมาะกับการเติบโตของแบคทีเรีย เช่น ซัลโมเนลลาและอีโคไล

ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยอาหารให้คำแนะนำว่า การเช็ดเนื้อควรใช้ผ้าสะอาด เปลี่ยนบ่อย และผ่านการซักฆ่าเชื้อสม่ำเสมอ หากเป็นไปได้ควรใช้ “กระดาษทิชชู่สำหรับอาหาร” แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง จะปลอดภัยกว่า นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการไว้เนื้อนอกอุณหภูมิความเย็นเป็นเวลานาน เพราะแม้เนื้อจะยังดูน่ากิน แต่ภายในอาจมีเชื้อโรคสะสมแล้ว

ในฐานะผู้บริโภค สิ่งที่ควรทำคือเลือกซื้อเนื้อจากร้านที่มีการจัดการความสะอาดดี เช่น

• ผ้าเช็ดหรืออุปกรณ์ดูสะอาด
• มีภาชนะครอบกันแมลง
• มีการพักเนื้อในถังน้ำแข็งที่อุณหภูมิเหมาะสม
• ผู้ขายดูใส่ใจสุขลักษณะ

หากเห็นผ้าที่ดูสกปรกหรือมีกลิ่น ควรหลีกเลี่ยงร้านนั้นและเลือกซื้อกับร้านที่น่าเชื่อถือมากกว่า

สุดท้ายนี้ ต้องเน้นว่าพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ตั้งใจดูแลคุณภาพเนื้อและความปลอดภัยของผู้บริโภค พฤติกรรมเช็ดเนื้อเป็นวิธีช่วยรักษาความสดที่ปฏิบัติกันมายาวนาน แต่ก็ควรทำควบคู่กับมาตรการสุขอนามัยที่ดีเพื่อความปลอดภัยของทุกคน