ในปัจจุบันปัญหาไตวายไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้สูงอายุเท่านั้น ชายหนุ่มหญิงสาววัยทำงานก็สามารถเผชิญความเสี่ยงได้ไม่ต่างกัน กรณีของชายหนุ่มวัย 30 ปีคนหนึ่งที่ต้องเข้ารับการรักษาไตวายเฉียบพลัน ได้สร้างความตกใจให้กับครอบครัวและเพื่อนฝูงของเขาอย่างมาก เขาไม่มีประวัติโรคประจำตัว ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์หนักหรือสูบบุหรี่ แต่กลับพบว่าการทำพฤติกรรมบางอย่างซ้ำๆ ในชีวิตประจำวันได้ทำลายไตของเขาอย่างช้าๆ โดยที่ไม่รู้ตัว

ไตเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่กรองของเสียและสารพิษออกจากเลือด ควบคุมระดับน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย รวมทั้งช่วยควบคุมความดันโลหิต หากไตทำงานผิดปกติ ร่างกายจะสะสมสารพิษและเกิดอาการรุนแรงได้อย่างรวดเร็ว เมื่อไตเสื่อมแล้วมักไม่สามารถฟื้นกลับสู่สภาพเดิม การป้องกันจึงสำคัญที่สุด

มีพฤติกรรม 5 อย่างที่หลายคนทำอยู่ทุกวันโดยคิดว่าไม่เป็นอันตราย แต่แท้จริงแล้วเป็นตัวการทำลายไตอย่างเงียบๆ

พฤติกรรมแรก คือ การดื่มน้ำน้อย ร่างกายต้องการน้ำเพียงพอเพื่อช่วยให้ไตขับของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ คนจำนวนมากละเลยการดื่มน้ำเพราะยุ่งกับงานหรือไม่รู้สึกกระหาย แถมยังเลือกดื่มกาแฟ น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มหวานแทนน้ำเปล่า สิ่งเหล่านี้ยิ่งเพิ่มภาระให้ไตมากขึ้น เมื่อขาดน้ำไตต้องทำงานหนักขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดนิ่วและไตเสื่อมในระยะยาว

พฤติกรรมที่สอง คือ การรับประทานอาหารเค็มมากเกินไป อาหารแปรรูป ฟาสต์ฟู้ด และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ล้วนเต็มไปด้วยโซเดียม เมื่อร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไปจะทำให้บวมน้ำและความดันโลหิตสูง ไตต้องทำงานอย่างหนักในการขับโซเดียมส่วนเกินออก ผู้ที่ชอบอาหารเค็มเสี่ยงต่อไตวายโดยไม่รู้ตัว

พฤติกรรมที่สาม คือ การใช้ยาแก้ปวดเรื้อรัง ยาในกลุ่มต้านการอักเสบที่หาซื้อง่าย เช่น ยาแก้ปวดหัวหรือปวดข้อ หากรับประทานบ่อยเกินไปจะทำให้ไตขาดเลือดไปเลี้ยงและเกิดการอักเสบ ทำลายการทำงานของไตโดยตรง หลายคนอาจคิดว่ากินเพียงเม็ดเล็กๆ ไม่น่ามีผล แต่เมื่อสะสมเป็นเวลานานอันตรายกว่าที่คิด

พฤติกรรมที่สี่ คือ การกินโปรตีนมากเกินไป โดยเฉพาะคนที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ จึงดื่มเวย์โปรตีนหรือกินเนื้อสัตว์ปริมาณมากเกินพอดี ของเสียจากการย่อยโปรตีนคือภาระงานของไต หากกินมากเกินไตรับไม่ไหวและอาจเสื่อมเร็วกว่าปกติ

พฤติกรรมสุดท้าย คือ นอนดึกและมีความเครียดสะสม การพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ความดันโลหิตไม่คงที่ ระบบฮอร์โมนแปรปรวน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อไต นอกจากนี้ความเครียดทำให้ร่างกายอักเสบและเลือดไหลเวียนผิดปกติ ไตจึงถูกทำลายอย่างต่อเนื่องโดยที่เราไม่ทันสังเกต

ชายหนุ่มวัย 30 ปีคนนั้นยอมรับว่า เขาไม่เคยคิดว่าพฤติกรรมธรรมดาๆ เหล่านี้จะทำให้สุขภาพทรุดหนักถึงขนาดต้องล้างไต เขาฝืนร่างกายจนมองข้ามสัญญาณเตือน เช่น เหนื่อยง่าย ปัสสาวะผิดปกติ และบวมที่ข้อเท้า หากเขาดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ เรื่องร้ายนี้อาจไม่เกิดขึ้น

เรื่องนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่เตือนให้ทุกคนหันกลับมาดูแลไตตั้งแต่วันนี้ แค่เริ่มต้นจากการดื่มน้ำให้เพียงพอ ลดอาหารเค็ม ใช้ยาอย่างระมัดระวัง กินอาหารให้สมดุล และพักผ่อนให้เพียงพอ การป้องกันเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายและคุ้มค่ามากกว่า การรักษาเมื่อเสียหายไปแล้ว

สุขภาพไตดีคือรากฐานของชีวิตที่แข็งแรง เริ่มปกป้องไตของเราในทุกๆ วัน อย่าปล่อยให้ความเคยชินกลายเป็นความเสียใจในอนาคต