“ช็อกทองคำโลก” ราคาทองคำดิ่งแรงสุดในรอบสิบปี นักลงทุนทั่วโลกแห่ซื้อช่วงตก ตั้งแต่เอเชียถึงสหรัฐฯ

หลังจากราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดกว่า 4,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำได้ร่วงลงแรงที่สุดในรอบกว่าทศวรรษ จุดชนวนกระแส “ซื้อช่วงตก” ที่ลามไปทั่วโลก ตั้งแต่พ่อค้าในกรุงเทพฯ ไปจนถึงนักลงทุนในวอลล์สตรีท ต่างเชื่อว่าการร่วงครั้งนี้เป็นเพียงช่วงพักตัวชั่วคราว

นักวิเคราะห์โลหะมีค่าหลายรายเตือนว่าราคาทองคำ “ร้อนแรงเกินไป” และในที่สุดคำเตือนนั้นก็เป็นจริง เมื่อราคาทองคำลดลงกว่า 6.3% ภายในวันเดียว ถือเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2556 และปิดสัปดาห์ที่ระดับ 4,113 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แม้ว่าตลาดหุ้นและน้ำมันยังคงนิ่ง แต่การร่วงของทองคำแสดงให้เห็นถึง “การปรับฐานของตลาด” หลังจากราคาพุ่งขึ้นกว่า 30% ภายในเวลาเพียงสองเดือน ปัจจัยหลักมาจากแรงขายทำกำไรของกองทุนและการขายทองคำออกโดยธนาคารกลางจีน ซึ่งมีสัญญาณเตือนล่วงหน้าจากปริมาณออปชันขายที่เพิ่มสูงสุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2551

ที่กรุงเทพฯ นางสุนิษา โคตรกาศร แรงงานทอผ้าอายุ 57 ปี กล่าวว่าเธอและสามีถอนเงินออมทั้งหมดเพื่อซื้อทองทันทีที่ราคาลดลง แต่ไม่สามารถซื้อได้เพราะทองคำแท่งขนาดเล็กขายหมดในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ขณะที่ในสิงคโปร์ ร้านทอง BullionStar รายงานว่ามี “วันที่มียอดซื้อขายสูงสุดในประวัติศาสตร์” ส่วนในสหรัฐฯ บริษัท Money Metals Exchange ก็ประสบปัญหาคำสั่งซื้อล้นระบบ

ในโตเกียว นักศึกษาชาวเวียดนามชื่อฮั่ง เหวียด ที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นกว่า 10 ปี กล่าวว่าการลดลงครั้งนี้คือโอกาสทองสำหรับการเข้าซื้อ เพราะเธอเชื่อว่าราคาทองคำจะกลับมาพุ่งขึ้นในระยะยาว

นักวิเคราะห์หลายรายมองว่าการร่วงครั้งนี้เป็น “การปรับฐานที่ดีต่อสุขภาพของตลาด” นางนิกกี้ ชีลส์ จากบริษัทเอ็มเคเอส แพมป์ กล่าวว่าตลาดขาขึ้นที่แข็งแรงย่อมต้องมีช่วงพักเพื่อระบายแรงซื้อเกินและสร้างความมั่นคงในระยะยาว

ในการประชุมทองคำระดับนานาชาติที่เกียวโต มีผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คน ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นในตลาดทองคำยังคงสูง ธนาคารเจพีมอร์แกนคาดว่าราคาทองคำอาจทะลุ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในปลายปีหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก หลังเหตุการณ์ที่สหรัฐฯ คว่ำบาตรธนาคารกลางรัสเซียในปี 2565

ประวัติศาสตร์เคยแสดงให้เห็นว่าราคาทองคำอาจใช้เวลาหลายปีเพื่อกลับมาทำจุดสูงสุดอีกครั้ง เช่นในปี 2554 ที่ราคาทองแตะ 1,921 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนใช้เวลาเก้าปีจึงกลับมาที่ระดับนั้นได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โลกปัจจุบันแตกต่างออกไป หนี้สาธารณะทั่วโลกอยู่ในระดับสูงสุด เงินเฟ้อยังไม่ลดลง และความเชื่อมั่นในค่าเงินของรัฐบาลเริ่มสั่นคลอน ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ทองคำยังคงเป็น “ที่หลบภัยของเงินทุนระยะยาว” แม้ในช่วงที่มีการปรับฐานก็ตาม

ข้อมูลจาก ชี้ว่าผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คาดว่าราคาทองคำอาจอ่อนตัวต่อในสัปดาห์หน้า แต่ยังมีนักลงทุนบางส่วนที่มองในแง่บวก โดยบางรายเชื่อว่าราคาทองคำกำลัง “พักตัวก่อนการปรับขึ้นรอบใหม่” เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงและแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯราคาทองคำทั่วโลกอาจยังคงผันผวนในระยะสั้น แต่ความต้องการจากเอเชียและการเข้าซื้อของธนาคารกลางยังคงเป็นแรงสนับสนุนสำคัญ นักลงทุนจำนวนมากยังมองว่าทองคำคือสินทรัพย์ปลอดภัยที่สามารถรักษามูลค่าได้ดีที่สุดในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน.