ไข่ถือเป็นอาหารคู่ครัวที่ให้โปรตีนสูง ราคาประหยัด และเป็นเมนูยอดนิยมของคนทุกวัย แต่คุณรู้หรือไม่ว่า “ไข่” ที่เรากินกันทุกวันนั้น หากเก็บหรือปรุงไม่ถูกวิธี อาจกลายเป็นต้นเหตุของโรคร้ายแรงที่คร่าชีวิตได้จริง เช่น กรณีชายวัย 41 ปีที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อซาลโมเนลลา หลังรับประทานไข่ดิบเป็นประจำ

ทำไมไข่ถึงเป็นอันตรายได้?

ไข่ดิบหรือไข่ที่ไม่สุกทั่วมักปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย Salmonella enteritidis ซึ่งสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางอาหาร และทำให้เกิดอาการท้องร่วงรุนแรง อาเจียน มีไข้สูง หรือในบางกรณีอาจนำไปสู่การติดเชื้อในกระแสเลือด โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เด็ก และผู้สูงอายุ

---

6 ข้อห้ามพลาด ถ้าไม่อยากให้ “ไข่” กลายเป็นยาพิษ

1. ห้ามกินไข่ดิบหรือไข่ลวกที่ไม่สุกทั่ว

ไข่แดงที่ยังเยิ้ม ๆ อาจดูน่ากิน แต่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคโดยตรง

2. อย่าเก็บไข่ไว้นอกตู้เย็นนานเกินไป

อุณหภูมิห้องทำให้เชื้อแบคทีเรียเติบโตเร็วมาก ควรเก็บในช่องเย็นที่อุณหภูมิคงที่

3. หลีกเลี่ยงการกินไข่ดิบในซอสหรืออาหารญี่ปุ่นที่ไม่ได้ผ่านการพาสเจอร์ไรส์

เช่น ข้าวหน้าไข่ดิบ หรือคาโบนาร่าที่ใช้ไข่ดิบ หากไม่แน่ใจในแหล่งผลิต ควรงดดีกว่า

4. ล้างมือและภาชนะทุกครั้งหลังสัมผัสไข่ดิบ

เชื้อซาลโมเนลลาสามารถแพร่จากเปลือกไข่มาสู่อาหารอื่นได้ง่าย

5. อย่ากินไข่ที่เปลือกมีรอยร้าวหรือสกปรก

เพราะเชื้อโรคสามารถซึมผ่านเข้าไปภายในไข่ได้อย่างรวดเร็ว

6. ปรุงอาหารให้สุกทั่วถึงเสมอ

ควรต้มหรือทอดให้ไข่แดงแข็ง เพราะความร้อนสูงจะฆ่าเชื้อได้หมด

---

สรุป

แม้ไข่จะเป็นอาหารที่มีประโยชน์มาก แต่การกินโดยไม่ระวังอาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมได้เหมือนกรณีชายวัย 41 ปีรายนี้ สิ่งสำคัญคือ “กินให้ถูกวิธี ปรุงให้สุก เก็บให้ถูกที่” เพียงเท่านี้ก็สามารถเพลิดเพลินกับเมนูไข่ได้อย่างปลอดภัยทุกวัน