แม้ว่า เต้าหู้ จะถูกยกให้เป็นแหล่งโปรตีนดีแทนเนื้อสัตว์และมักถูกแนะนำสำหรับผู้ที่ลดเนื้อแดง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการได้เตือนว่าไม่ใช่ทุกคนจะได้รับประโยชน์เต็มที่จากเต้าหู้ และสำหรับ 4 กลุ่มคน บางราย การกินเต้าหู้อาจไม่เหมาะสมหรือควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อหลีกเลี่ยงผลเสียต่อตัวเอง

กลุ่มแรก คือผู้ที่แพ้ถั่วเหลืองหรือมีอาการไวต่อผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ถึงแม้เต้าหู้จะทำจากถั่วเหลืองซึ่งให้โปรตีนคุณภาพสูง และมีแร่ธาตุหลายตัว แต่ผู้แพ้ถั่วเหลืองอาจมีอาการแพ้ ตั้งแต่ผื่นคัน อาการบวม จนถึงหายใจลำบาก การรับประทานเต้าหู้โดยไม่รู้ว่าตนแพ้อาจนำไปสู่ภาวะอันตรายได้ ดังนั้นกลุ่มนี้ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์ก่อน

กลุ่มที่สอง คือผู้ที่มีปัญหาต่อมไทรอยด์ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะไทรอยด์ทำงานน้อย (Hypothyroidism) หรือต้องใช้ยาควบคุมฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งถั่วเหลืองและเต้าหู้มีสารกลุ่ม goitrogen ที่อาจรบกวนการทำงานของไทรอยด์และการดูดซึมยาบางชนิดได้ ดังนั้นผู้ที่อยู่ในกลุ่มนี้ควรรับประทานเต้าหู้ในปริมาณที่เหมาะสม และปรึกษาแพทย์ก่อนปรับการกินเอง

กลุ่มที่สาม คือผู้ที่มีปัญหาการดูดซึมแร่ธาตุ เช่น เหล็ก สังกะสี หรือแคลเซียม เนื่องจากเต้าหู้มีสารแอนติ­นิวเทรียนต์ (anti-nutrients) เช่น phytates และ oxalates ที่อาจไปจับแร่ธาตุในร่างกาย ทำให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุเหล่านั้นน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ในบางกรณีที่ผู้รับประทานหลักคือเต้าหู้แทนเนื้อสัตว์ แต่ไม่ได้เสริมแหล่งแร่ธาตุอื่น อาจทำให้เกิดภาวะขาดแร่ได้

กลุ่มที่สี่ คือผู้ที่รับประทานอาหารแปรรูปสูง หรือเต้าหู้ที่ผ่านการ Process มากเกินไป ถึงแม้เต้าหู้เองจะเป็นอาหารจากพืชที่ดี แต่หากผ่านกระบวนการใส่สารปรุงแต่ง เกลือหรือน้ำตาลเพิ่มมาก หรือใช้ในการผลิตแบบอุตสาหกรรม อาจมีโซเดียมสูง ไขมันทรานส์ หรือสารเสริมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มนี้ควรเลือกเต้าหู้แบบธรรมชาติ ปริมาณน้อย และไม่พึ่งแต่เต้าหู้อย่างเดียวเป็นแหล่งโปรตีนหลัก

แม้ว่าเต้าหู้จะมีคุณประโยชน์หลายอย่าง เช่น ให้โปรตีน ช่วยลดการบริโภคเนื้อสัตว์ และเหมาะกับผู้ทานมังสวิรัติ แต่การกินอย่างไรให้เหมาะสม สำคัญยิ่งกว่า การคิดว่า “มีเต้าหู้ก็ปลอดภัยหมด” สำหรับผู้ที่อยู่ใน 4 กลุ่มนี้ การระมัดระวัง ปรึกษาแพทย์ หรือเลือกวิธีปรุงและปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก

ดังนั้น หากคุณอยู่ในหนึ่งใน 4 กลุ่มดังกล่าว อย่าละเลย ให้มองเต้าหู้เป็นตัวเลือกหนึ่งของอาหาร ไม่ใช่คำตอบเดียวสำหรับโปรตีน และอย่าลืมเสริมโปรตีนและแหล่งแร่ธาตุอื่นๆ ร่วมด้วย รวมถึงให้ความสำคัญกับวิธีการปรุง เลือกรับประทานธรรมชาติมากกว่าการผ่านการแปรรูปมาก และหมั่นตรวจสุขภาพเมื่อต้องเปลี่ยนอาหารหลัก

หากคุณอยาก ผมช่วยเขียนบทความเวอร์ชันย่อสำหรับโพสต์โซเชียล หรือเพิ่ม “คำแนะนำเฉพาะเจาะจง” สำหรับแต่ละกลุ่มคนได้เลย แจ้งผมได้ครับ