มื่อรู้สึกคัน หลายคนมักคิดว่าเป็นอาการแพ้ แต่รู้หรือไม่ว่า “อาการคัน” ก็อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคันที่ 2 บริเวณนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนมะเร็งตับ!

ตับเป็นอวัยวะที่มีบทบาทสำคัญในการขับสารพิษออกจากร่างกาย เผาผลาญยา ย่อยสารอาหาร และสร้างโปรตีนกับสารเคมีสำคัญต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ดังนั้นตับจึงมีโอกาสถูกทำลายได้ง่าย หากเกิดความเสียหายและไม่ได้รับการรักษา อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งตับได้

มะเร็งตับเป็นหนึ่งในโรคร้ายที่มีอัตราการเสียชีวิตสูง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่มีอาการชัดเจนในระยะแรก และมักถูกตรวจพบเมื่อเข้าสู่ระยะลุกลาม ทำให้การรักษายากขึ้น

เพราะฉะนั้น การสังเกตอาการผิดปกติและดูแลตับให้แข็งแรงตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันมะเร็งตับ

🔸 คันที่ 2 บริเวณนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนมะเร็งตับ

1. คันผิวหนัง
อาการคันผิวหนังมักเกิดจากการแพ้หรือโรคผิวหนังทั่วไป เช่น ผื่น หรือกลากเกลื้อน แต่ในบางกรณี “อาการคัน” ก็อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของมะเร็งตับได้ เนื่องจากเมื่อการทำงานของตับผิดปกติ การไหลเวียนของน้ำดีจะติดขัด ทำให้น้ำดีสะสมในร่างกายและซึมเข้าสู่กระแสเลือด จนเกิดอาการระคายเคืองผิวและคัน

นอกจากนี้ ยังอาจเกิดผื่นหรือตุ่มแดงร่วมด้วย เพราะร่างกายไม่สามารถขับของเสียออกได้ตามปกติ ผู้ป่วยบางรายอาจมีผื่นแดง คันมาก หรือมีแผลที่ต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์

2. คันตา
หากมีอาการคันตาเรื้อรัง ทั้งที่รักษาหรือหยอดยาก็ไม่ดีขึ้น ควรระวังมะเร็งตับเช่นกัน บางรายเกิดจากการขาดเลือดในบริเวณดวงตา ทำให้ตาแห้งและคัน อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปอาการคันผิวหนังจะพบได้บ่อยกว่าอาการคันตา

⚠️ หมายเหตุ: แม้สองอาการนี้อาจเกี่ยวข้องกับมะเร็งตับ แต่ก็ไม่ควรตื่นตระหนก เพราะยังมีสาเหตุอื่นอีกมาก สิ่งสำคัญคือสังเกตร่างกายตนเอง และควรตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อป้องกันโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

🔸 อาการอื่น ๆ ของมะเร็งตับ

นอกจากอาการคันแล้ว มะเร็งตับยังอาจมีสัญญาณอื่น ๆ โดยมักปรากฏชัดเมื่อโรคลุกลาม เช่น

• อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

• ปวดท้อง หรือแน่นบริเวณชายโครงขวา

• ท้องบวม มีน้ำในช่องท้อง

• ปวดไหล่ขวา

• เบื่ออาหาร คลื่นไส้

• น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

• ตัวเหลือง ตาเหลือง

• อุจจาระสีซีด

• มีไข้ต่ำ ๆ เป็น ๆ หาย ๆ
  
  
  

🔸 วิธีดูแลตับและป้องกันมะเร็งตับ

• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ช่วยลดไขมันสะสมในตับ และกระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ตับ

• งดแอลกอฮอล์: การดื่มสุรามากเป็นสาเหตุสำคัญของโรคตับแข็ง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งตับ

• ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี และซี: เพราะการติดเชื้อไวรัสเหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับต้น ๆ

• กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพตับ: เช่น ถั่ว ชาเขียว ผักตระกูลกะหล่ำ ผลไม้ ปลาไขมันดี น้ำมันมะกอก และธัญพืชเต็มเมล็ด หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปหรือมันเยิ้ม

• ใช้ยาอย่างปลอดภัย: รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เพื่อไม่ให้ตับทำงานหนักเกินไป