ริตา เลวี มอนตัลชินี เกิดในปี พ.ศ. 2452 ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี และเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2555 ขณะมีอายุ 103 ปี เธอเป็นนักประสาทวิทยาที่มีชื่อเสียงระดับโลกซึ่งมีเชื้อสายยิว ในปี พ.ศ. 2529 ริตาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ จากผลงานเกี่ยวกับการควบคุมการเจริญเติบโตของอวัยวะและเซลล์ นอกจากนี้ เธอยังเป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลคนแรกที่มีอายุถึง 103 ปีอีกด้วย

ชีวิตของริต้า เลวี มอนตัลชินี มีเหตุการณ์สำคัญที่น่าจดจำมากมาย นอกจากรางวัลโนเบลแล้ว เธอยังได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตลอดชีพของวุฒิสภาอิตาลีในปี พ.ศ. 2544 และได้รับเลือกให้เป็นทูตขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ประจำกรุงโรม นอกจากนี้ ริต้ายังเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิเลวี-มอนตัลชินี ซึ่งเชี่ยวชาญด้านงานการกุศลในแอฟริกา

นอกจากคุณูปการอันน่าประทับใจที่เธอมีต่อชุมชนแล้ว ริต้า เลวี มอนตัลชินี ยังได้รับความสนใจจากผู้คนมากมายด้วยสติปัญญาอันเฉียบแหลมและพลังชีวิตที่ยั่งยืน หลายคนโหยหาการพักผ่อนเมื่ออายุมากขึ้น แต่ริต้า เลวี มอนตัลชินี นักประสาทวิทยายังคงทำงานทุกวันที่สถาบันวิจัยสมองแห่งยุโรปที่เธอก่อตั้งขึ้นในกรุงโรม ประเทศอิตาลี“ป้าของฉันยังคงทำงานหลายชั่วโมงทุกวันจนกระทั่งท่านเสียชีวิต”ริต้า หลานสาวของเธอเปิดเผย

ในงานฉลองครบรอบ 100 ปีของเธอในปี 2009 ริต้า เลวี มอนตัลชินี ยืนยันว่าเธอยังคงมีสติสัมปชัญญะและสุขภาพแข็งแรงเพียงพอที่จะทำงานต่อไป คำกล่าวนี้ของเธอยังโด่งดังและเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมายทั่วโลกอีกด้วย

“จิตใจของฉันเฉียบแหลมกว่าตอนที่ฉันอายุ 20 มาก ฉันไม่เคยหยุดที่จะอยากรู้อยากเห็นและเติมเต็มจิตใจของฉันด้วยประสบการณ์ต่างๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา”ริต้า เลวี มอนตัลชินี เคยกล่าวไว้

เมื่อถามถึงเคล็ดลับการมีสุขภาพดีถึงอายุ 100 ปี คุณริต้าตอบอย่างมีความสุขว่า"ถ้าอยากมีอายุยืนถึง 100 ปี ก็ต้องตื่นตี 5 และกินอาหารกลางวันให้เพียงพอ"ประโยคนี้แสดงให้เห็นว่าคุณริต้ามีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีและมีวินัยอย่างยิ่ง การกินอาหารให้เพียงพอช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารและพลังงานอย่างเต็มเปี่ยมเพื่อทำงานต่อไป นอกจากนี้ เธอยังเปิดเผยว่า การฝึกจิตใจให้เป็นนิสัยก็เป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลดีต่อสุขภาพของเธอด้วย

Longevity Quest พบว่าผู้ที่อายุยืนมักมีนิสัยชอบฝึกฝนจิตใจด้วยการอ่าน ไขปริศนา เรียนรู้ภาษาใหม่ๆ หรือเล่นเครื่องดนตรี กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นสมอง สร้างการเชื่อมต่อใหม่ระหว่างเซลล์ประสาท ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความจำและความคิดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ผู้คนมากมายรอบตัวริต้า เลวี มอนตัลชินี ต่างแสดงความคิดเห็นว่าเธอเป็นคนมองโลกในแง่ดีและรักชีวิต ตลอดชีวิตของเธอ เธอไม่เคยแต่งงาน แต่ทุ่มเทสติปัญญาทั้งหมดให้กับการค้นคว้าวิจัย อย่างไรก็ตาม ริต้า เลวี มอนตัลชินี ยังคงรู้วิธีที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในแบบของเธอเอง ไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวหรือคิดลบ เธอยืนยันว่าชีวิตของเธอ "เต็มไปด้วยความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างมนุษย์ การงาน และงานอดิเรก" เธอมองว่าความยากลำบากเป็นแรงผลักดันให้ไขว่คว้าหาโชคและอนาคตที่ดีกว่าเสมอ