เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพได้เตือนว่าผู้ที่มีอาการ “เสียงแหบ” ควรไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็ง อลิสัน มัตช์ นักนิติเวชศาสตร์อาวุโสในแมนเชสเตอร์ กล่าวว่า “ยังมีคนตระหนักน้อยมาก” ว่าการเปลี่ยนแปลงของเสียงอาจเป็นสัญญาณของโรคที่คุกคามชีวิต

หลักฐานที่ชัดเจนที่สุดคือการเสียชีวิตของชายคนหนึ่งชื่อสตีเฟน สตริงเกอร์ (อายุ 74 ปี ชาวอังกฤษ) ซึ่งเสียงแหบของเขาไม่ได้ถูกมองว่าเป็น "สัญญาณเตือนมะเร็ง" จนกว่าโรคจะลุกลามไปถึงระยะที่ 4

เจมี่ ธีคสตัน ผู้ร่วมดำเนินรายการ Heart Radio Breakfast ในสหราชอาณาจักร เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งกล่องเสียงระยะที่ 1 คนดังคนอื่นๆ ที่เป็นมะเร็งกล่องเสียง ได้แก่ วัล คิลเมอร์, ไมเคิล ดักลาส และสแตนลีย์ ทุชชี

ในระหว่างการสอบสวน ทราบว่านายสตริงเกอร์มีอาการ "เสียงแหบ" มาตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่แล้ว (2566)

อย่างไรก็ตาม “ลักษณะ” ของอาการนี้ – และ “อาการที่แย่ลงอย่างต่อเนื่อง” – ไม่ได้รับการค้นพบหรือ “ถูกบันทึกว่าเป็นสัญญาณเตือนมะเร็งที่อาจเกิดขึ้นได้” จนกระทั่งเดือนตุลาคม พ.ศ. 2566

ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2567 เกือบหนึ่งปีหลังจากที่สายเสียงของนายสตริงเกอร์เริ่มยืด เขาได้รับการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการว่าเป็นมะเร็งเซลล์สความัสของกล่องเสียงระยะที่ 4

นางมัตช์กล่าวว่า นายสตริงเกอร์ได้รับ "การดูแลแบบประคับประคอง" แล้ว และสังเกตว่าหากเขาถูกส่งตัวไปตรวจเร็วกว่านี้ การตรวจพบอาการของเขาจะเกิดขึ้นเร็วขึ้น ทำให้มีทางเลือกในการรักษาเพิ่มมากขึ้น

นายสตริงเกอร์เสียชีวิตด้วยความเศร้าใจเมื่อวันที่ 27 มีนาคมปีนี้

เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพกล่าวว่าเป็นเพราะ "ความสำคัญของอาการของเขา รวมถึงเสียงแหบเรื้อรัง ไม่ได้รับการตระหนักจนกระทั่งมะเร็งลุกลามไปถึงระยะที่ 4"

ในกรณีของนายสตริงเกอร์ ดร. มัตช์ ตั้งข้อสังเกตว่าผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก กล่าวว่าเป็นเรื่อง "สำคัญ" ที่ต้องสอบถามคนไข้ที่มีอาการเสียงแหบว่า "อาการนี้เป็นมานานเท่าใดแล้ว"

ที่จริงแล้ว เฉิง หย่งเหริน แพทย์ประจำภาควิชารังสีวิทยาและมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งชาติเฉิงกง (ไต้หวัน ประเทศจีน) เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า อาการเริ่มต้นที่พบบ่อยที่สุดของมะเร็งกล่องเสียง ได้แก่ เสียงแหบ รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในลำคอ เจ็บคอ และอาจถึงขั้นหายใจและกลืนลำบาก หากสามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที การตรวจพบและวินิจฉัยได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้น มะเร็งกล่องเสียงเกือบ 60% จึงได้รับการวินิจฉัยในระยะเริ่มต้นที่ 1 และ 2 แม้ว่าจะตรวจพบช้าและวินิจฉัยว่าอยู่ในระยะ 3 หรือ 4 ในระยะลุกลามเฉพาะที่ โชคดีที่ความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายไปยังที่อื่นไม่สูงนัก ดังนั้น ตราบใดที่คุณยอมรับการรักษาอย่างจริงจัง โอกาสหายขาดก็ยังมีสูง

5 สัญญาณเตือนระยะแรกที่ไม่ควรมองข้าม

แม้ว่าอาการอาจคล้ายหวัดหรือเสียงใช้งานหนัก แต่หากเป็นดังนี้ ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว:

1. เสียงแหบหรือเสียงเปลี่ยน ที่ไม่หายภายใน 2–3 สัปดาห์ เช่น เสียงดังขึ้น/เบาลง/ไม่ชัดเจน 

2. เจ็บหรือมีปัญหาเวลากลืน รู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอหรือรู้สึกแสบเมื่อกลืนอาหาร/น้ำลาย 

3. ไอเรื้อรัง เจ็บคอเรื้อรัง หรือเสียงหายใจมีเสียงผิดปกติ หรือหายใจไม่สะดวก 

4. มีก้อนหรือบวมที่คอหรือลำคอ โดยเฉพาะถ้าไม่หายไป

5. น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ รู้สึกอ่อนแรงหรือเบื่ออาหาร มักเกิดเมื่อโรคลุกลาม 

หากมีอาการดังนี้ ควรไปพบแพทย์ที่เชี่ยวชาญทาง หู คอ จมูก ทันที เพราะการตรวจตั้งแต่เนิ่นๆ มีโอกาสรักษาได้ดีกว่า