มะเขือยาว หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Solanum melongena มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอินเดีย
รสชาติเมื่อกินดิบจะออกขมเล็กน้อย แต่เมื่อปรุงสุกแล้วกลับมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และให้รสกลมกล่อมถูกใจหลายคน

นักโภชนาการเปิดเผยว่า มะเขือยาวมีน้ำถึง 92%, กลูซิด 5.5%, โปรตีน 1.3% และไขมันเพียง 0.2%
นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญมากมาย เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม แคลเซียม เหล็ก สังกะสี และทองแดง
รวมถึงมีวิตามินหลายชนิด ทั้ง A, B1, B2, B3, B6, B9, C, PP และเส้นใยอาหารในปริมาณสูง ช่วยดูดซับสารพิษในลำไส้ ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ได้ดี

อย่างไรก็ตาม… ถึงจะมีประโยชน์มากมาย แต่มะเขือยาว ไม่ได้เหมาะกับทุกคน!
มีอย่างน้อย 2 กลุ่มใหญ่ที่แพทย์แนะนำให้หลีกเลี่ยง มิฉะนั้นอาจ “ร่างพัง” หรือ “ร่างแย่ไม่รู้ตัว”! 

⚠️ 1. คนที่เป็นโรคโลหิตจาง หรือขาดธาตุเหล็ก

เปลือกของมะเขือยาวมีสาร แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งสามารถจับกับไอออนเหล็กในร่างกาย ทำให้การดูดซึมเหล็กถูกขัดขวาง
นอกจากนี้ยังรบกวนการดูดซึมของสังกะสีและทองแดงอีกด้วย
ดังนั้น คนที่มีภาวะโลหิตจาง ควรหลีกเลี่ยงมะเขือยาว และหันไปกินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับ หรือเนื้อแดงแทน

⚠️ 2. คนที่มีปัญหากระเพาะอาหาร หรือระบบย่อยอาหารอ่อนแอ

มะเขือยาวเป็นอาหารที่มี “ธาตุเย็น” หากกินมากเกินไปอาจทำให้ปวดท้อง ท้องเสีย หรือแน่นท้องได้
โดยเฉพาะคนที่มีโรคกระเพาะ หรือระบบย่อยอาหารทำงานไม่ดี จะยิ่งรู้สึกไม่สบายท้องง่ายกว่าเดิม

หากอยากกิน ควร ปอกเปลือกก่อนปรุง เพื่อลดความแข็งของเนื้อและช่วยให้ย่อยง่ายขึ้น

⚠️ กลุ่มอื่นที่ควรระวังเพิ่มเติม

• ผู้มีร่างกายอ่อนแอ เหนื่อยง่าย หรือเป็นหวัดบ่อย เพราะมะเขือยาวมีฤทธิ์เย็น อาจทำให้ร่างกายยิ่งอ่อนแรง

• ผู้ป่วยโรคไต เนื่องจากมะเขือยาวมีสาร ออกซาเลต (Oxalate) ในปริมาณสูง หากรับมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยง “นิ่วในไต”

 สรุป

มะเขือยาวเป็นผักที่อุดมไปด้วยสารอาหาร มีประโยชน์มากทั้งช่วยขับสารพิษและดูแลลำไส้
แต่ถ้าคุณอยู่ใน 2 กลุ่มข้างต้น — อย่าประมาท! เพราะ “ราชาผัก” นี้อาจกลายเป็นตัวการทำร้ายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว

🟠 กินให้ถูกวิธี สุขภาพก็จะดี — แต่กินผิดคน ระวังร่างพังไม่รู้ตัว!