“มะละกอ” เป็นผลไม้ที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน ไม่ว่าจะนำมาทำส้มตำ หรือกินเป็นผลไม้สุกหวาน ๆ ก็อร่อยทั้งนั้น แต่น้อยคนจะรู้ว่า “มะละกอดิบ” กับ “มะละกอสุก” มีคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณที่แตกต่างกันอย่างมาก และถ้ารู้จักกินให้ถูกวิธี มะละกอจะกลายเป็นผลไม้ที่ช่วยเสริมสุขภาพได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

🥗 มะละกอดิบ – ตัวช่วยล้างพิษและดูแลระบบย่อยอาหาร

มะละกอดิบมักถูกนำมาใช้ทำ “ส้มตำ” ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมของคนไทย โดยเฉพาะในภาคอีสาน แต่นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว มะละกอดิบยังมีเอนไซม์ชื่อว่า “ปาเปน” (Papain) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยย่อยโปรตีนในอาหาร ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแน่นท้อง หรือมักกินอาหารย่อยยาก

นอกจากนี้ มะละกอดิบยังมีใยอาหารสูง ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ลดอาการท้องผูก และช่วยล้างสารพิษออกจากลำไส้ได้อย่างดี อีกทั้งยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพราะมีปริมาณน้ำตาลต่ำกว่ามะละกอสุก

อย่างไรก็ตาม การกินมะละกอดิบควรระมัดระวังสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากมียางมะละกอซึ่งอาจกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวได้ จึงไม่เหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์หรือผู้ที่มีภาวะเสี่ยงทางมดลูก

🍈 มะละกอสุก – แหล่งวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ

มะละกอสุกเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และเบต้าแคโรทีน ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา เสริมภูมิคุ้มกัน และช่วยให้ผิวพรรณสดใส นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งและโรคหัวใจ

เนื้อมะละกอสุกยังอุดมไปด้วยเอนไซม์ปาเปนเช่นกัน แต่จะอ่อนกว่าในมะละกอดิบ จึงอ่อนโยนต่อกระเพาะอาหาร เหมาะสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีระบบย่อยอาหารอ่อนแอ นอกจากนี้ น้ำมะละกอสุกยังช่วยขับปัสสาวะและลดอาการบวมน้ำได้อีกด้วย