หมูเป็นอาหารที่เราคุ้นเคยกันดี แต่รู้ไหมว่าส่วนไหนของหมูที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์มากที่สุด?
นักโภชนาการเผยว่า บนตัวหมูมีอยู่สองส่วนที่ทั้งหายากและให้คุณค่าทางอาหารสูงมาก — ถ้าใครไม่รู้ถือว่าพลาดสุด ๆ

แก้มหมู (เนื้อแก้มชมพู)

เนื้อแก้มหมูมีลักษณะเป็นเส้นเอ็นนุ่ม ๆ แทรกกับชั้นไขมัน ทำให้ไม่เหนียว ไม่แห้ง และไม่กระด้าง เวลากินจะนุ่มละมุนมาก โดยเฉพาะเนื้อแก้มชมพูของหมูนั้นมีปริมาณน้อยมาก จึงหายากและมีราคาสูง

ถ้าได้เนื้อส่วนนี้มา แนะนำให้นำไป ต้ม หรือนึ่ง จะช่วยคงรสหวานธรรมชาติของเนื้อไว้ได้ดีที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถนำไปทำอาหารได้หลายแบบ เช่น แก้มหมูตุ๋นซีอิ๊ว แก้มหมูอบน้ำผึ้ง หรือย่างก็อร่อยไม่แพ้กัน

หางหมู – สมุนไพรในครัวที่หลายคนมองข้าม

ตามหลักแพทย์แผนจีน หางหมูมีรสหวาน เค็มเล็กน้อย และมีฤทธิ์เย็น เชื่อกันว่าช่วยบำรุงร่างกายได้หลายด้าน

• บำรุงกำลังและระบบสืบพันธุ์:
  การรับประทานหางหมูช่วยบำรุงร่างกาย แก้อาการอ่อนเพลีย เสริมพลังเพศชาย บรรเทาอาการหลั่งเร็ว และเพิ่มความแข็งแรงโดยรวม

• บำรุงข้อและกระดูก:
  หางหมูมีคอลลาเจนและสารอาหารที่ช่วยลดการอักเสบในข้อ บรรเทาอาการปวดข้อ ปวดหลัง และชะลอการเสื่อมของกระดูก

• บำรุงผิวพรรณ:
  คอลลาเจนจากหางหมูช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย และชะลอความแก่ จึงมักถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบางชนิดด้วย

คุณค่าทางโภชนาการของหางหมู (ต่อ 100 กรัม)

• โปรตีน 17.7 กรัม

• ไขมัน 33.5 กรัม

• วิตามิน B3 1.12 มิลลิกรัม

• วิตามิน B1 และ B2 อย่างละ 0.07 มิลลิกรัม

• แคลเซียม 14 มิลลิกรัม

• ฟอสฟอรัส 47 มิลลิกรัม

• โซเดียม 25 มิลลิกรัม

• โพแทสเซียม 157 มิลลิกรัม
  

ไม่มีคาร์โบไฮเดรต

ที่สำคัญคือ หางหมูยังมี สังกะสี (Zinc) สูง — ในหางหมู 100 กรัม มีสังกะสีประมาณ 1.64 มิลลิกรัม คิดเป็น 15% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน
สังกะสีมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย เทสโทสเตอโรน (Testosterone) ซึ่งส่งผลต่อพัฒนาการทางร่างกายและระบบสืบพันธุ์ของผู้ชายโดยตรง

สรุปว่า “เนื้อแก้มหมู” และ “หางหมู” คือสองส่วนที่ทั้งหอม นุ่ม อร่อย และเต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหาร
ถ้าเห็นในตลาดเมื่อไหร่ อย่าลังเลที่จะซื้อติดมือกลับบ้าน เพราะมันไม่เพียงอร่อย แต่ยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย!