เหตุการณ์สุดสะเทือนใจเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เด็กชายวัยเพียง 17 เดือนถูกน้ำร้อนลวกทั่วร่างกาย หลังเครื่องทำน้ำอุ่นในห้องน้ำของบ้านเกิดการระเบิดอย่างกะทันหัน เหตุการณ์นี้สร้างความตกใจให้กับผู้ปกครองและเป็นอุทาหรณ์สำคัญสำหรับครอบครัวจำนวนมากที่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นโดยไม่ตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากพฤติกรรมความเคยชินในชีวิตประจำวัน

จากรายงานของเจ้าหน้าที่ ระบุว่า ขณะเกิดเหตุ ผู้ปกครองกำลังอาบน้ำให้ลูกชายในห้องน้ำ โดยเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ตามปกติ ทันใดนั้นเครื่องได้เกิดเสียงดังและระเบิด ทำให้น้ำร้อนพุ่งออกมาโดนร่างของเด็กน้อยอย่างจัง ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกทั่วทั้งตัว ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที โชคดีที่ได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว จึงสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ยังต้องพักรักษาตัวอีกระยะหนึ่ง

สาเหตุของเหตุการณ์ลักษณะนี้ มักเกิดจากการละเลยในการดูแลและตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะเครื่องทำน้ำอุ่นที่ใช้งานเป็นประจำ หลายครอบครัวมีพฤติกรรมเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นทิ้งไว้ หรือไม่ได้ปิดเบรกเกอร์หลังใช้งาน ทำให้ระบบไฟฟ้าภายในเครื่องมีการสะสมความร้อนและแรงดันจนเกิดการระเบิดได้ นอกจากนี้ การติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการใช้สายไฟที่ไม่เหมาะสม ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้เช่นกัน

ผู้เชี่ยวชาญด้านไฟฟ้าเตือนว่า เครื่องทำน้ำอุ่นทุกชนิดควรได้รับการตรวจสอบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบภายในยังอยู่ในสภาพดี ไม่มีการรั่วซึมของน้ำหรือไฟฟ้า รวมถึงควรเลือกใช้เครื่องทำน้ำอุ่นที่มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ (ELCB) และผ่านมาตรฐาน มอก. เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้ารั่วหรือการลัดวงจร

อีกหนึ่งพฤติกรรมที่หลายครอบครัวมักมองข้าม คือการปล่อยให้เด็กอยู่ในห้องน้ำตามลำพังขณะเปิดเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งถือว่าอันตรายอย่างยิ่ง เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น น้ำร้อนเกินอุณหภูมิ หรือเครื่องระเบิด เด็กจะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ทัน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ปกครองอยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา และตรวจสอบอุณหภูมิน้ำก่อนอาบให้ลูกทุกครั้ง

เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้ทุกครอบครัวตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โดยเฉพาะเครื่องที่เกี่ยวข้องกับน้ำและไฟฟ้า ซึ่งหากใช้โดยประมาทเพียงเล็กน้อย อาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้ การป้องกันไว้ก่อนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทั้งในแง่ของการบำรุงรักษา การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน และการมีสติทุกครั้งก่อนใช้งาน

ท้ายที่สุด เหตุการณ์ของเด็กชายวัย 17 เดือนรายนี้ แม้จะเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญที่ควรเผยแพร่ให้สังคมรับรู้ เพื่อให้ทุกครอบครัวตระหนักว่า “ความเคยชินเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน” อาจกลายเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมได้โดยไม่รู้ตัว หากเราใส่ใจเรื่องความปลอดภัยตั้งแต่วันนี้ ก็อาจช่วยป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต