สุขภาพ 01/11/2025 16:13

เผย 8 ผักที่คนญี่ปุ่นนิยมกิน ช่วยบำรุงผิ.วให้ชุ่มชื้นและลดความเสี่.ยงโ.ร.ค. ม.ะ.เ.ร็.ง เหมาะอย่

ผู้หญิงญี่ปุ่น – สัญลักษณ์แห่งความงามบริสุทธิ์และอ่อนโยน

ผู้หญิงญี่ปุ่นมักถูกยกให้เป็นตัวแทนของความงามที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ เบื้องหลังผิวสวยสุขภาพดีของพวกเธอ มีเคล็ดลับสำคัญอย่างหนึ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ นั่นคือ “การใช้ผักและพืชผักเป็นเสมือนการบำรุงผิวตามธรรมชาติจากภายใน”

เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ผิวของผู้หญิงมักเริ่มสูญเสียความชุ่มชื้น อากาศแห้งทำให้ผิวดูหมองคล้ำและแห้งกร้าน แม้จะใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวราคาแพงก็อาจไม่เห็นผล หากร่างกายไม่ได้รับการดูแลจากภายในอย่างเหมาะสม

น่าสนใจว่า แม้คนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยนิยมเล่นกีฬา แต่กลับมีอายุยืนยาวและมีสุขภาพแข็งแรงกว่าหลายประเทศทั่วโลก ข้อมูลจากปี 2019 ระบุว่า อายุขัยเฉลี่ยของผู้หญิงญี่ปุ่นอยู่ที่ 87 ปี และของผู้ชายอยู่ที่ 81 ปี ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ปัจจัยสำคัญไม่เพียงมาจากพันธุกรรมเท่านั้น แต่ยังเกิดจากพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตที่มีวินัยและสมดุล

🥗 8 ผักที่คนญี่ปุ่นนิยมรับประทานในฤดูใบไม้ร่วง

ช่วยบำรุงร่างกาย เติมความชุ่มชื้นให้ผิว และลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง

1. รากบัว (เรนคง) – เกราะป้องกันธรรมชาติสำหรับผิวแห้ง

รากบัวเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ในวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่น ลักษณะรูพรุนของรากบัวไม่เพียงสวยงามแต่ยังมีประโยชน์ทางโภชนาการสูง เพราะประกอบด้วยน้ำมากกว่า 80% และมีสารมิวซิน (Mucin) ซึ่งช่วยรักษาความชุ่มชื้นของเยื่อบุภายในและผิวหนัง

รากบัวยังมีสารแทนนินและวิตามินซี ซึ่งมีบทบาทในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติ โดยเฉพาะเซลล์ในลำไส้ใหญ่ จึงถือเป็นอาหารที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพของระบบย่อยอาหารได้ดี

ในฤดูใบไม้ร่วง ชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทานรากบัวโดยหั่นเป็นแผ่นบางๆ แล้วนำไปหมักน้ำส้มสายชูแบบ Sunomono หรือใส่ในซุปมิโสะ ซึ่งเป็นเมนูเปิดมื้อแบบดั้งเดิมในอาหารไคเซกิ (Kaiseki)
สำหรับผู้หญิง การรับประทานรากบัววันละ 100–150 กรัม ยังช่วยบรรเทาอาการช่องคลอดแห้งจากการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนได้อีกด้วย

2. แครอท – สีส้มแห่งพลังและผิวสุขภาพดี

8 món rau củ người Nhật hay ăn để cấp ẩm da và ngừa ung thư, phụ nữ càng nên ăn nhiều trong mùa thu- Ảnh 3.


ในแนวคิดของอาหารญี่ปุ่น “สีของอาหาร” มีความหมายทางพลังงาน แครอทสีส้มสื่อถึงพลังชีวิตและความสดใสของผิวพรรณ

แครอทอุดมด้วยเบตาแคโรทีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ มีบทบาทในการฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวและช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และยืดหยุ่นขึ้น

คนญี่ปุ่นนิยมปรุงแครอทโดยนึ่งหรือลวกให้สุกพอดี จากนั้นคลุกกับน้ำมันงาคั่วเบาๆ ได้รสหวานธรรมชาติและกลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นเมนูง่ายแต่ดีต่อสุขภาพผิว

3. ฟักทองญี่ปุ่น (คาโบจะ) – ครีมบำรุงผิวจากธรรมชาติ

ฟักทองคาโบจะมีเปลือกสีเขียวเข้ม เนื้อหวานและนุ่ม เป็นของโปรดในฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น ฟักทองชนิดนี้มีเบตาแคโรทีนสูง ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวหนังและลดการอักเสบ

นอกจากนี้ยังมีซีแซนทีนและลูทีน ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากรังสี UV ที่เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งผิวหนัง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ “นึ่งพร้อมเปลือกประมาณ 12 นาที” เพื่อคงคุณค่าทางอาหาร ไม่ควรทอดเพราะจะสูญเสียวิตามินสำคัญ

ด้วยค่าดัชนีน้ำตาล (GI) เพียง 45 ฟักทองคาโบจะจึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและรักษาสมดุลพลังงานในร่างกาย

4. สาหร่ายวากาเมะ – กรดไฮยาลูโรนิกจากท้องทะเล

สาหร่ายวากาเมะเป็นของขึ้นชื่อจากทะเลญี่ปุ่น มีสารฟูโคอิดาน (Fucoidan) และกรดแอลจินิก (Alginic acid) ซึ่งสามารถดูดซับน้ำได้มากกว่าน้ำหนักตัวถึง 10 เท่า จึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี

งานวิจัยบางชิ้นพบว่า ฟูโคอิดานยังช่วยยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม ในฤดูใบไม้ร่วง คนญี่ปุ่นนิยมแช่วากาเมะแห้งในน้ำอุ่นเพียง 5 นาที แล้วใส่ในซุปมิโสะหรือสลัดแตงกวา

สาหร่ายวากาเมะยังอุดมด้วยไอโอดีน ช่วยปรับสมดุลต่อมไทรอยด์ และอาจลดการหลุดร่วงของเส้นผมหลังคลอดได้ถึง 70%

5. มันเทศ – ความหวานที่ดีต่อผิวและสุขภาพ

8 món rau củ người Nhật hay ăn để cấp ẩm da và ngừa ung thư, phụ nữ càng nên ăn nhiều trong mùa thu- Ảnh 6.


มันเทศเป็นอาหารที่หลายคนญี่ปุ่นคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก และยังถือเป็น “อัญมณีสีม่วง” ในเมนูเพื่อสุขภาพของผู้หญิงญี่ปุ่น

มันเทศอุดมด้วยวิตามินซี วิตามินอี และแอนโทไซยานิน ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากรังสี UV ชะลอการเกิดริ้วรอย และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวจากภายใน

คนญี่ปุ่นนิยมรับประทานมันเทศอบในช่วงบ่ายของฤดูใบไม้ร่วง รสหวานหอมตามธรรมชาติให้ความอิ่มนาน เป็นของว่างที่ดีต่อสุขภาพและช่วยคงความอ่อนเยาว์ได้อย่างยั่งยืน

6. ผักโขมญี่ปุ่น (โฮเรนโซะ) – พลังงานสีเขียวเพื่อการฟื้นฟูผิว

ผักโขมเป็นผักที่ขาดไม่ได้ในอาหารญี่ปุ่นแบบวะโชกุ (Washoku) ทั้งในซุปมิโสะหรืออาหารจานผักอื่นๆ

ผักโขมอุดมด้วยธาตุเหล็ก กรดโฟลิก และวิตามินซี ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูสดใสและมีเลือดฝาด
คนญี่ปุ่นนิยมลวกผักโขมเบาๆ แล้วคลุกงาคั่วกับโชยุ เป็นเมนูง่ายๆ ที่คงไว้ซึ่งรสธรรมชาติและคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน

7. แตงกวา – น้ำใสเย็นชื่นใจสำหรับผิวขาดความชุ่มชื้น

แตงกวามีน้ำมากถึง 95% จึงถือเป็นผักที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ร่างกายและผิวหนังได้เป็นอย่างดี

ในญี่ปุ่น แตงกวาไม่ได้ใช้แค่ในสลัดเท่านั้น แต่ยังนิยมนำมาดองแบบ Tsukemono ซึ่งช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ ส่งผลให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งจากภายใน

แตงกวาเย็นๆ เพียงไม่กี่ชิ้นอาจดูธรรมดา แต่สำหรับคนญี่ปุ่น มันคือ “เคล็ดลับเล็กๆ” ที่ช่วยให้ผิวนุ่มนวลและสดชื่นเหมือนหยาดน้ำค้างยามเช้า

8. เห็ด – โล่ป้องกันสุขภาพและความงามจากธรรมชาติ

8 món rau củ người Nhật hay ăn để cấp ẩm da và ngừa ung thư, phụ nữ càng nên ăn nhiều trong mùa thu- Ảnh 9.


ไม่ว่าจะเป็นเห็ดชิอิตาเกะ เอนโนกิ หรือไมตาเกะ เห็ดถือเป็นของขวัญจากธรรมชาติที่ผู้หญิงญี่ปุ่นนิยมบริโภคตลอดทั้งปี

เห็ดมีสารเบต้า-กลูแคนและซีลีเนียม ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ขับสารพิษ และลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เมนูยอดนิยมคือหม้อไฟเห็ด (Mushroom Nabe) ซึ่งให้รสชาติกลมกล่อม อุ่นสบาย และยังเป็นวิธีดูแลสุขภาพแบบดั้งเดิมของคนญี่ปุ่น ที่รวมความงามและความแข็งแรงไว้ในถ้วยเดียว

🌿 ความงามแบบญี่ปุ่น: เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง

สำหรับชาวญี่ปุ่น “ความงาม” ไม่ได้มาจากการตกแต่งภายนอกมากนัก แต่เกิดจากการใช้ชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติ

เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาถึง พวกเขาจะปรับเมนูอาหารให้เข้ากับฤดูกาล เน้นผักที่ช่วยเก็บความชุ่มชื้น ขับของเสีย และบำรุงผิวจากภายใน

เพียงแค่เลือกวัตถุดิบจากธรรมชาติ — โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอางราคาแพง — ก็สามารถคงไว้ซึ่งผิวสุขภาพดี สดใส และดูอ่อนเยาว์ในแบบ “เซน” (Zen)

🍲 เมนูตัวอย่างสำหรับฤดูใบไม้ร่วง (พลังงานไม่เกิน 1,200 กิโลแคลอรี)

เช้า: โจ๊กข้าวกล้องกับฟักทองนึ่ง เติมวากาเมะแห้ง 1 ช้อนชา
กลางวัน: ข้าวปั้นโอนิกิริไส้รากบัวหมักน้ำส้มสายชู เสิร์ฟพร้อมซุปมิโสะเห็ดหอม
เย็น: หม้อไฟนาเบะใส่ผักกวางตุ้ง เต้าหู้ และปลาแซลมอน 50 กรัม (ช่วยเพิ่มการดูดซึมเบตาแคโรทีน)

✨ สรุป:

ผัก 8 ชนิดนี้ไม่เพียงเป็นแหล่งสารอาหารสำคัญ แต่ยังช่วยบำรุงผิว ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง และส่งเสริมการมีสุขภาพดีในฤดูใบไม้ร่วงได้อย่างยั่งยืน — ตามแนวคิดสุขภาพแบบญี่ปุ่น ที่เน้น “เรียบง่าย สมดุล และเป็นธรรมชาติ”

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่