90% ของครอบครัวในปัจจุบันเก็บเนื้อสัตว์ที่เหลือหลังรับประทานอาหารประเภทนี้ไว้ในตู้เย็น ซึ่งทำให้เกิดโอกาสในการผลิตสารก่อมะเร็ง

นั่นคือการถนอมเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกแล้วในตู้เย็นทุกวันโดยใช้พลาสติกห่ออาหาร คนส่วนใหญ่คิดว่าการใช้พลาสติกห่ออาหารปลอดภัยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเก็บไว้ในตู้เย็น

ภาพประกอบ

อย่างไรก็ตาม รองศาสตราจารย์ ดร.เหงียน ซุย ถิญ (อดีตอาจารย์ประจำสถาบันเทคโนโลยีชีวภาพและอาหาร มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮานอย) ระบุว่า ไม่ควรนำพลาสติกห่ออาหาร รวมถึงพลาสติก PE ซึ่งได้รับการรับรองคุณภาพแล้ว มาใช้มากเกินไป เพราะยังคงมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนในอาหาร ยิ่งปล่อยทิ้งไว้นานก็ยิ่งก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งได้ง่าย

โดยเฉพาะครอบครัวที่มีนิสัยห่อเนื้อสัตว์ที่เหลือจากการปรุงอาหารไว้ในตู้เย็น แล้วนำมาใช้ซ้ำหลายครั้ง ไม่ใช่เพียงครั้งเดียว

การนำอาหารออกมาแล้วห่อด้วยพลาสติกแรปอีกครั้งก็ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตเร็วขึ้น ในช่วงเวลานี้ นอกจากความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนแล้ว อาหารยังเสี่ยงต่อการถูกแบคทีเรียกัดกร่อนมากขึ้นอีกด้วย

“ฟิล์ม PE ใสแบบนิ่มเคยได้รับการยกย่องว่าปลอดภัยต่ออาหาร แต่ปัจจุบันยังคงปลอดภัยอย่างแน่นอนหรือไม่ คำตอบคือ ไม่” รองศาสตราจารย์ ดร.เหงียน ดุย ถิญ กล่าวยืนยัน

 

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าพลาสติกห่อหุ้มและผลิตภัณฑ์พลาสติกโดยทั่วไปทำให้ชีวิตผู้คนสะดวกสบายขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อเสียอยู่บ้าง สิ่งสำคัญคือผู้บริโภคต้องรู้วิธีใช้อย่างชาญฉลาด

แล้วจะเก็บรักษาเนื้อสัตว์ที่เหลือหลังรับประทานอาหารด้วยพลาสติกห่ออาหารอย่างไรให้ถูกต้อง?

- เพื่อลดความเสี่ยงจากการใช้ห่ออาหาร ผู้บริโภคควรซื้อเฉพาะผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงที่ได้รับการจดทะเบียนและมีการตรวจสอบคุณภาพจากหน่วยงานกำกับดูแลเท่านั้น

- หลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกห่ออาหารเมื่ออาหารร้อนเกินไป

- จำกัดการห่ออาหารที่มีน้ำมันมากเกินไป เนื่องจากมีโอกาสที่พลาสติกจะซึมเข้าไปในอาหารได้สูงมาก

 

- ห้ามห่ออาหารด้วยพลาสติกแรปโดยเด็ดขาดเมื่อนำเข้าไมโครเวฟ เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงที่พลาสติกจะถูกปล่อยลงในอาหารและเข้าสู่ร่างกายโดยไม่ได้ตั้งใจ

- ลดการเก็บเนื้อสัตว์ปรุงสุกและอาหารเหลือโดยทั่วไปในตู้เย็น เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสารก่อมะเร็ง ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง รวมถึงโรคเรื้อรังต่างๆ ในระยะยาว