ความจริง 01/11/2025 23:23

สุดสะเทือนใจ! เด็กหญิงชาวจีน 8 ขวบ "จัดการงานศพตัวเอง" คำขอสุดท้ายในจดหมายทำคนทั้งประเทศร้อ

สุดสะเทือนใจ! เด็กหญิงชาวจีน 8 ขวบ "จัดการงานศพตัวเอง" คำขอสุดท้ายในจดหมายทำคนทั้งประเทศร้องไห้

นางฟ้าตัวน้อย ตัดสินใจยุติรักษาตัว บริจาคเงิน-ดวงตา ให้เพื่อนที่ป่วยเหมือนเธอ

เรื่องราวของเด็กหญิง "ซา เยี่ยน" วัย 8 ขวบ ที่เขียนคำร้องขอยุติการรักษาให้กับตัวเองแทนพ่อที่ไม่รู้หนังสือ ได้สร้างความสะเทือนใจไปทั่วประเทศจีน คำพูดสุดท้ายที่เธอบันทึกไว้ในพินัยกรรม ทำให้ใครก็ตามที่ได้อ่านต้องน้ำตาซึม

ซา เยี่ยน เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลูคีเมีย) แต่ก่อนจากไป เด็กหญิงผู้มีจิตใจดีและเข้าใจโลกคนนี้ได้ทิ้งพินัยกรรมที่สั่นสะเทือนอารมณ์ผู้คนไว้ เรื่องราวของเธอยังถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง "天堂回信" (จดหมายตอบกลับจากสวรรค์) ซึ่งสะท้อนความยากลำบากในชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นจากความเมตตาของผู้คน

ชีวิตอาภัพของเด็กที่ถูกทอดทิ้ง และพ่อบุญธรรมผู้ยากจน

วันที่ 30 พฤศจิกายน 1996 นายซา สื่อโหย่ว ชายยากจนวัย 30 ปี บังเอิญพบเด็กหญิงตัวแดงๆ นอนหายใจรวยรินอยู่ริมตลิ่งใต้สะพานแห่งหนึ่งในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ด้วยความยากจนทำให้เขายังไม่สามารถแต่งงานได้ การรับเด็กมาเลี้ยงจึงไม่ใช่เรื่องง่าย และแทบไม่ต้องพูดถึงอนาคต

ซา สื่อโหย่ว อุ้มเด็กหญิงขึ้นแล้ววางลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความลังเล แต่ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นและความอ่อนแอของทารก ทำให้เขาไม่สามารถทอดทิ้งชีวิตน้อยๆ นี้ได้ เขาจึงตัดสินใจรับเด็กมาเลี้ยงพร้อมคำสัญญาว่า "พ่อไม่พร้อมที่จะเลี้ยงลูกให้ดีนัก พ่อกินอะไร ลูกก็กินอย่างนั้นนะ!"

นับแต่นั้น เด็กหญิงตัวเล็กก็เข้ามาอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ที่ผุพังของซา สื่อ โหย่ว และเขาก็กลายเป็นพ่อบุญธรรมโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาตั้งชื่อเธอว่า ซา เยี่ยน สิ่งเดียวที่เขารู้เกี่ยวกับลูกสาวบุญธรรมคือกระดาษแผ่นเล็กที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆ ว่า "เกิดวันที่ 22 ตุลาคม เวลาเที่ยงคืน" ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่พ่อแม่แท้ๆ ของเธอทิ้งไว้

ชีวิตพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก

การเลี้ยงดูทารกในช่วงแรกเป็นเรื่องยากลำบากมากสำหรับ ซา สื่อโหย่ว ด้วยฐานะที่ยากจน เขาต้องทำงานหนักทุกวันและนำข้าวสารมาต้มเพื่อกรอง "น้ำข้าว" ให้ลูกสาวดื่มแทนน้ำนม เพื่อป้องกันภาวะขาดสารอาหาร เมื่อทราบว่าบ้านไหนมีคนเพิ่งคลอด เขาก็ต้องยอมลดศักดิ์ศรีไปขอรับบริจาคน้ำนม

ในช่วงแรก ผู้คนต่างซุบซิบนินทาว่าเขาเอาตัวเองไม่รอด แต่ยังไปหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็ถูกความดีงามและความจริงใจของซา สื่อโหย่ว ทำให้ใจอ่อนลง ภาพของพ่อเลี้ยงเดี่ยวผู้ยากจนที่ดูแลลูกน้อยเพียงลำพังจึงกลายเป็นภาพที่คุ้นตาของคนในพื้นที่

ลูกคือที่พักใจของพ่อ พ่อคือที่พึ่งของลูก

ซา เยี่ยน เติบโตขึ้นเป็นเด็กที่ฉลาด ร่าเริง และเข้าใจโลก ทำให้เพื่อนบ้านต่างรักใคร่เอ็นดู แม้จะอายุเพียง 5 ขวบ เธอก็สามารถทำงานบ้านทุกอย่างได้เอง ไม่ว่าจะเป็นการซักผ้า ทำความสะอาด หรือหุงข้าว ซา เยี่ยนกลายเป็นที่พักพิงทางใจให้กับพ่อหลังจากการทำงานหนัก

แม้ว่าชีวิตจะยังยากลำบาก แต่สองพ่อลูกตระกูลซาก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เมื่อถึงวัยเรียน ซา สื่อโหย่ว ผู้ไม่รู้หนังสือก็พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ลูกสาวได้เข้าเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ ซา เยี่ยนไม่ทำให้พ่อผิดหวัง เธอเป็นนักเรียนตัวอย่างและมีผลการเรียนดีเยี่ยมเป็นอันดับหนึ่งของชั้นเสมอ

โชคชะตาเล่นตลก เมื่อโรคร้ายมาเยือน

ขณะที่ชีวิตของสองพ่อลูกกำลังดำเนินไปอย่างสงบสุข พายุลูกใหญ่ก็โหมกระหน่ำ ในเช้าของเดือนพฤษภาคม ปี 2005 ขณะที่ ซา เยี่ยน กำลังล้างหน้า จู่ๆ เธอก็มีเลือดกำเดาไหลไม่หยุด ซา สื่อโหย่ว ตกใจและรีบพาเธอไปโรงพยาบาล แม้แพทย์จะห้ามเลือดได้ แต่เขากลับได้รับข่าวร้ายกว่านั้น

ผลการวินิจฉัยระบุว่า ซา เยี่ยน เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน และต้องได้รับการรักษาทันที ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 300,000 หยวน (ประมาณ 1.5 ล้านบาท) สำหรับคนยากจนที่ต้องหาเช้ากินค่ำ นี่คือจำนวนเงินที่มหาศาล แต่ผู้เป็นพ่อไม่ลังเลที่จะตกลงรักษาลูก

ซา สื่อโหย่ว กลับบ้านและประกาศขายบ้านหลังเล็กๆ ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นเดียวของเขาในทันที เพื่อนำมาเป็นค่ารักษา เขาคิดเพียงแต่ความสงสารลูกสาว ที่เพิ่งเกิดมาก็ถูกพ่อแม่ทิ้ง แต่แล้วโรคร้ายก็มาพรากความสุขไปจากเธออีกครั้ง อย่างไรก็ตาม บ้านของเขาขายไม่ออกเพราะเก่าและรีบเร่งเกินไป

ซา สื่อโหย่ว วิ่งวุ่นไปทั่วเพื่อหยิบยืมเงิน แต่ได้มาเพียงเล็กน้อย ซา เยี่ยนเองก็เข้าใจสถานการณ์ดี เธอพูดกับพ่อหลายครั้งว่า "หนูรู้ว่าถ้าหนูรักษาต้องใช้เงินเยอะมาก บ้านเราจนขนาดนี้ พ่อให้หนูออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านเถอะนะ"

หลังจากพยายามเกลี้ยกล่อมพ่อให้ล้มเลิกการรักษาหลายครั้ง ในที่สุดวันที่ 18 มิถุนายน 2005 ซา เยี่ยน วัย 8 ขวบ ก็ตัดสินใจเขียนคำร้อง "ขอสมัครใจยุติการรักษา" ด้วยลายมือของตัวเอง แทนพ่อที่ไม่รู้หนังสือ

เด็กหญิง 8 ขวบจัดการงานศพตัวเอง

หลังจากยุติการรักษา เด็กหญิงยังคงทำตัวร่าเริงและกลับบ้านพร้อมพ่อ ในวันเดียวกันนั้น เธอขอให้พ่อซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่และไปถ่ายรูปสตูดิโอ ซึ่งเป็นรูปถ่ายรูปแรกในชีวิตของเธอ เธอฉีกยิ้มสดใสและชูสองนิ้วอย่างน่ารัก

เมื่อได้รูปถ่าย ซา เยี่ยน กำชับพ่อว่า "ถ้าพ่อคิดถึงหนู พ่อเอาหนูรูปหนูออกมาดูนะ หนูอยากตายในฤดูใบไม้ร่วง เพราะตอนนั้นข้าวสาลีและข้าวโพดในทุ่งจะสุกเหลืองสวยมาก และพ่อช่วยฝังหนูไว้หลังสวนนะ หนูจะได้อยู่ใกล้พ่ออีกหน่อย" ซา สื่อโหย่ว พยักหน้าทั้งน้ำตาเพื่อตอบรับความปรารถนาสุดท้ายของลูกสาว

ปาฏิหาริย์แห่งความหวัง

โชคดีที่เรื่องราวของซา เยี่ยนไปถึงหูนักข่าวชื่อ ฟู่ เยี่ยน ของหนังสือพิมพ์เฉิงตู เธอลงพื้นที่และทำสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับสองพ่อลูกนี้ เรื่องราวของ "เด็กหญิง 8 ขวบที่จัดการงานศพตัวเอง" ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่มีใครเรียกร้อง แต่ผู้ใจบุญจำนวนมากก็หลั่งไหลเข้ามาให้ความช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลแก่ซา เยี่ยนด้วยความสมัครใจ

เพียง 10 วัน เงินบริจาคก็พุ่งสูงถึง 560,000 หยวน (กว่า 2.8 ล้านบาท) ซา เยี่ยน ถูกย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลเด็กเฉิงตู ที่นั่นเธอต้องเผชิญกับการทำเคมีบำบัดหลายครั้ง และต้องต่อสู้กับภาวะติดเชื้อ ช็อก และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ แต่เธอก็ไม่เคยปริปากบ่นความเจ็บปวด

คุณหมอซวี หมิง ซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของไข้ถึงกับยกย่องในความกล้าหาญของเด็กหญิงว่า "ขั้นตอนการตรวจไขกระดูกนั้นเจ็บปวดมาก แต่เธอไม่เคยร้องสักครั้ง" ความเข้มแข็งของซา เยี่ยนทำให้หมอซวีหมิงรักและเอ็นดูเธอมาก เมื่อทราบว่าเธอไม่มีแม่ จึงขอรับเป็นแม่บุญธรรมเพื่อร่วมดูแลกับ ซา สื่อโหย่ว เมื่อซาเยี่ยนได้ยินคำนี้ เธอก็โผเข้ากอดและเรียก "แม่" เป็นครั้งแรกในชีวิต

อาจกล่าวได้ว่า แม้จะต้องต่อสู้กับโรคร้าย แต่นี่คือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของซา เยี่ยน เมื่อเธอมีทั้งพ่อและแม่ที่รักและดูแล การรักษาของเธอเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นมาก และโรคก็ถูกควบคุมไว้ได้

พินัยกรรมที่ทำให้ทุกคนเสียน้ำตา

เช้าวันที่ 20 สิงหาคม 2005 นักข่าวฟู่ เยี่ยน มาเยี่ยมซาเยี่ยนตามปกติ เด็กหญิงถามเธอว่า "น้าคะ ทำไมทุกคนถึงบริจาคเงินให้หนูคะ?" ฟู่ เยี่ยนตอบว่า "เพราะพวกเขาเป็นคนดีที่มีจิตใจเมตตา" ซา เยี่ยน ก็ตอบอย่างไร้เดียงสาว่า "ถ้าอย่างนั้น หนูอยากเป็นคนดีเหมือนพวกเขานะคะ"

พูดจบเธอก็หยิบสมุดออกมาจากใต้หมอน ข้างในมีคำว่า "พินัยกรรม" เขียนอยู่ เนื้อหาภายในทำให้นักข่าวและทุกคนที่ได้อ่านน้ำตาไหลพราก "ลาก่อน น้าฟู่ เยี่ยน และแม่ซวี แล้วเจอกันในความฝันนะคะ น้าฟู่ เยี่ยนคะ บ้านหนูใกล้จะพังแล้ว หลังหนูไปแล้ว น้าช่วยดูแลพ่อของหนู อย่าให้พ่อกระโดดตึกนะคะ หนูฝากขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือหนู และขอให้มอบเงินบริจาคนี้ให้กับเพื่อนคนอื่นๆ ที่ป่วยเหมือนหนูเพื่อรักษาตัว ส่วนพี่ชายห้องข้าง ๆ เขาตาบอด น้าช่วยบริจาคดวงตาของหนูให้พี่เขาด้วยนะคะ"

เพียงสองวันหลังจากพินัยกรรมถูกส่งถึงมือนักข่าว ซา เยี่ยน ก็จากไปอย่างสงบ ท่ามกลางความโศกเศร้าของผู้คน

มรดกจากเด็กหญิงผู้มีจิตใจเมตตา

บนป้ายหลุมศพของ ซา เยี่ยน มีรูปถ่ายของเธอและคำสุดท้ายที่เธอเขียนไว้ในไดอารี "หนูเคยมาที่นี่ หนูเป็นเด็กดีมาก" ข้างล่างคือชื่อของพ่อบุญธรรมและแม่บุญธรรมของเธอ ส่วนด้านหลังของป้ายจารึกเรื่องราวชีวิตอันสั้นแต่เต็มไปด้วยคุณค่าของเธอ

เงินบริจาคที่ซาเยี่ยนขอให้ส่งต่อ ได้ถูกนำไปใช้รักษาเด็กป่วยคนอื่นๆ อีก 7 คน และดวงตาของเธอก็ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายให้กับชายหนุ่มคนหนึ่งจนเขากลับมามองเห็นได้อีกครั้ง เมื่อเขาลืมตาดูโลกอีกครั้ง เขายิ้มอย่างสดใสและกล่าวว่า "ให้พี่ชายคนนี้พาหนูไปดูโลกนะ ซา เยี่ยน"

เรื่องราวของ ซา เยี่ยน เตือนใจเราว่า แม้ชีวิตที่เร่งรีบอาจทำให้เราสงสัยและหลงลืมคุณค่าของความดีงาม แต่ความเมตตาและจิตใจที่บริสุทธิ์นั้นไม่เคยจากไปไหน แต่ยังคงอยู่ในตัวเราทุกคนเสมอ

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่