บทความ: ทำไมคนเฒ่าคนแก่ถึงห้ามกินปลาไหลเหลือง?

ในหลายๆ พื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในหมู่บ้านชนบท เรามักจะได้ยินคำเตือนจากปู่ย่าตายายว่า "ห้ามกินปลาไหลเหลือง ไม่ว่าเราจะลำบากแค่ไหนก็ตาม" ซึ่งคำเตือนนี้เป็นความเชื่อที่ถูกส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยมีหลายเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความเชื่อนี้ ทั้งทางด้านวัฒนธรรม ความเชื่อโชคลาง และวิทยาศาสตร์

1. ความเชื่อทางไสยศาสตร์และภูติผี

ในความเชื่อของคนไทยโบราณ ปลาไหลเหลือง มักถูกเชื่อมโยงกับสิ่งลี้ลับและภูตผี บางคนเชื่อว่าปลาไหลเหลืองเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ และอาจเป็นร่างแปลงของสิ่งเหนือธรรมชาติ หากใครนำมากิน อาจทำให้พบกับโชคร้ายหรือมีเคราะห์กรรม

บางตำนานเล่าว่า ปลาไหลเหลืองชอบอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีพลังงานลี้ลับ เช่น ป่าช้า วัดเก่า หรือแหล่งน้ำที่มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับภูตผี หากนำมันมากิน อาจทำให้ถูกวิญญาณตามรังควาน หรือพบกับฝันร้าย

2. ปลาไหลเหลืองกับความหมายของ "ความลื่นไหล"

ปลาไหลเป็นสัตว์ที่ลื่นไหลและจับยาก คนโบราณจึงเปรียบเปรยว่า หากกินปลาไหลเหลือง อาจทำให้ชีวิตพบแต่ความไม่แน่นอน การเงินรั่วไหล หรือมีปัญหาเรื่องการงานและโชคลาภที่ไม่มั่นคง

ในบางพื้นที่มีความเชื่อว่า การกินปลาไหลเหลืองอาจทำให้คนในครอบครัว "หนีหาย" หรือมีปัญหาการพลัดพราก เช่น คู่รักต้องเลิกรากัน หรือสมาชิกในครอบครัวต้องเดินทางไกลและไม่ได้กลับบ้าน

3. เหตุผลทางวิทยาศาสตร์

ในทางชีววิทยา ปลาไหลเหลืองบางชนิดมีสารพิษตามธรรมชาติในเมือกของมัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพหากปรุงไม่ถูกวิธี อีกทั้งปลาไหลเหลืองมักอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำขัง ซึ่งอาจมีสารพิษหรือโลหะหนักสะสม หากนำมารับประทานโดยไม่ผ่านการทำความสะอาดที่เหมาะสม อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

สรุป

แม้ว่าคำเตือนของปู่ย่าตายายเกี่ยวกับการไม่กินปลาไหลเหลืองอาจฟังดูเป็นเรื่องโชคลาง แต่หากพิจารณาให้ลึกซึ้ง จะพบว่ามีเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความเชื่อนี้ ทั้งทางด้านจิตวิญญาณ ความหมายเชิงสัญลักษณ์ และเหตุผลด้านสุขภาพ ดังนั้นแม้ว่าเราจะไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ แต่การเคารพความเชื่อดั้งเดิมของบรรพบุรุษก็ถือเป็นเรื่องดี และควรใช้วิจารณญาณในการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ปลอดภัยเสมอ