โรคร้ายบนหนังศีรษะคืออะไร?

โดยทั่วไป เมื่อพูดถึงโรคผิวหนังร้ายแรง คนส่วนใหญ่มักนึกถึงบริเวณแขน ขา หรือใบหน้า แต่แท้จริงแล้ว หนังศีรษะ ก็สามารถกลายเป็นจุดที่เกิดโรคได้เช่นกัน

ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า โรคนี้เกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ผิวหนังบริเวณศีรษะ ซึ่งอาจลุกลามได้รวดเร็ว เพราะบริเวณนี้มีเส้นเลือดและต่อมน้ำเหลืองจำนวนมาก ทำให้การแพร่กระจายเกิดขึ้นได้ง่ายและอันตรายมากกว่าโรคผิวหนังในส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย

งานวิจัยบางชิ้นระบุว่า ผู้ที่เป็นโรคร้ายบริเวณศีรษะและลำคอมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับส่วนอื่นของร่างกาย

สัญญาณเตือนที่มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็น “รังแค”

หลายคนคิดว่าหนังศีรษะลอกเป็นขุยหรือเป็นสะเก็ดนั้นเกิดจากรังแค หรือการล้างผมไม่สะอาด แต่หากอาการเหล่านี้เกิดขึ้น อย่างต่อเนื่อง หรือใช้แชมพูสูตรรักษารังแคแล้วไม่หาย ควรรีบไปตรวจโดยแพทย์ผิวหนัง

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมแพทย์ผิวหนังสหรัฐฯ ระบุว่า หากสะเก็ดเหล่านี้แข็ง มีเลือดซึม เจ็บ แสบร้อน หรือมีอาการคล้าย “ผิวไหม้แดดเรื้อรัง” อาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายบนหนังศีรษะ

อาการอื่น ๆ ที่ควรสังเกต

• ตุ่มหรือแผลที่ไม่หาย – หากมีแผลบนศีรษะที่ไม่หายภายใน 2–3 สัปดาห์ ควรตรวจทันที

• ไฝเปลี่ยนรูปร่างหรือสี – ไฝที่โตเร็ว สีเข้มหรือจางลง บวม หรือคัน อาจเป็นสัญญาณอันตราย

• ผิวหนังเปลี่ยนสีเป็นหย่อม ๆ – หากหนังศีรษะมีสีคล้ำ สว่าง หรือเป็นปื้นไม่สม่ำเสมอ ควรระวัง

• เจ็บ แสบ หรือร้อนแม้ไม่ได้กระแทก – ความรู้สึกแสบร้อนเรื้อรังอาจเกิดจากการอักเสบของเซลล์

• ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ พร้อมผิวหนังผิดปกติ – ผมร่วงร่วมกับผิวหนาแข็งหรือมีสะเก็ดแดงควรพบแพทย์
  

วิธีป้องกัน

• สวมหมวกเมื่อออกแดด โดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00–15.00 น.

• ตรวจหนังศีรษะเป็นประจำ ให้คนใกล้ชิดหรือช่างทำผมช่วยสังเกตบริเวณที่มองไม่เห็น

• หลีกเลี่ยงสารเคมีรุนแรง เช่น น้ำยาย้อมผมหรือสเปรย์ที่ไม่มีฉลากรับรอง

• กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน C, E, เบต้าแคโรทีน

• รักษาความสะอาดของหนังศีรษะ เพื่อป้องกันการอักเสบและการสะสมของเชื้อโรค
  

สรุป

โรคร้ายบนหนังศีรษะอาจเริ่มต้นจากอาการเล็ก ๆ เหมือนรังแค แต่หากปล่อยไว้นาน เซลล์ผิดปกติสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นได้อย่างรวดเร็ว การตรวจและรักษาแต่เนิ่น ๆ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ปลอดภัยและรักษาได้ทันเวลา.