หนูบ้าน “ล่าค้างคาวกลางอากาศ” ครั้งแรกในประวัติศาสตร์! นักวิทยาศาสตร์เยอรมนีเตือนอาจเป็นสัญญาณอันตราย

นักวิทยาศาสตร์จากประเทศเยอรมนีสามารถ บันทึกภาพได้เป็นครั้งแรกในโลก ที่หนูบ้านตัวหนึ่ง “กระโดดจับค้างคาวที่กำลังบินอยู่” เพื่อกินเป็นอาหาร — เหตุการณ์แปลกประหลาดนี้สร้างความตกตะลึงให้กับวงการวิทยาศาสตร์ทั่วโลก

พฤติกรรมที่ไม่เคยพบมาก่อน

โดยปกติแล้ว หนูบ้าน (หรือหนูท่อ) เป็นสัตว์ที่ มองเห็นได้ไม่ดีในเวลากลางคืน พวกมันอาศัย “หนวดสัมผัส” เพื่อรับรู้สิ่งรอบตัว แต่ในครั้งนี้ หนูตัวดังกล่าวกลับสามารถ “จับค้างคาวที่กำลังบิน” ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแฟรงก์เฟิร์ตระบุว่า การที่หนูล่าค้างคาวในธรรมชาติแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะค้างคาวมีระบบโซนาร์ตรวจจับเสียงขั้นสูง ซึ่งช่วยให้มันหลบหลีกผู้ล่าได้ดีมาก

ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กังวลมากที่สุดคือ — หนูบ้านและค้างคาวต่างเป็นพาหะของไวรัสที่อาจแพร่สู่มนุษย์ได้
การที่หนูเริ่มล่าค้างคาวอาจทำให้ไวรัสจากค้างคาว “ข้ามสายพันธุ์” มายังหนู ซึ่งเป็นสัตว์ที่อยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุดในเขตเมือง

ดร. ฮันส์ โคห์เลอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา กล่าวว่า:
“หากไวรัสจากค้างคาวสามารถปรับตัวให้แพร่ในหนูบ้านได้จริง มันอาจเป็นภัยคุกคามใหม่ต่อสุขภาพของมนุษย์ เพราะหนูอาศัยอยู่แทบทุกที่ที่มนุษย์อยู่”

ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์

• หนูบ้านเป็นสัตว์ที่ขยายพันธุ์เร็วและปรับตัวได้ดี จึงเป็นพาหะของโรคหลายชนิด เช่น ฮันตาไวรัส (Hantavirus) และ โรคเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis)

• ค้างคาวเป็นแหล่งพาหะตามธรรมชาติของไวรัสหลายชนิด เช่น ไวรัสไนปาห์ (Nipah) และ ไวรัสโคโรนาบางสายพันธุ์

• การ “ล่าและกินกันเองระหว่างสายพันธุ์” อาจก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมของไวรัส (recombination) ซึ่งนำไปสู่การเกิดไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้

แม้จะเป็นเพียงเหตุการณ์หนึ่งในธรรมชาติ แต่ภาพเหตุการณ์ “หนูจับค้างคาว” นี้ได้เปิดประเด็นใหม่ให้กับวงการวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์เมืองกับโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

เหตุการณ์นี้ไม่เพียงเป็นเรื่องน่าสนใจทางชีววิทยา แต่ยังเป็น “คำเตือนเงียบ ๆ” ว่า การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศกำลังทำให้ขอบเขตระหว่างสัตว์ป่าและมนุษย์แคบลงทุกที