เคยสังเกตไหมว่า? บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตแทบทุกใบจะมีโลโก้ Visa (วีซา) หรือ Mastercard (มาสเตอร์การ์ด) อยู่มุมใดมุมหนึ่งของบัตร

แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าทั้งสองชื่อดังกล่าวไม่ใช่ธนาคารผู้ออกบัตร และยังมีความแตกต่างในแง่ระบบ เครือข่าย และขนาดธุรกิจที่น่าสนใจ

บางคนอาจสงสัยว่า “Visa กับ Mastercard ต่างกันยังไง?” หรือ “ใครคือเจ้าตลาดตัวจริงของโลกการเงิน?”

เรามาทำความเข้าใจให้ชัดเจนในบทความนี้กัน

Visa และ Mastercard คืออะไร?

Visa และ Mastercard ไม่ใช่ธนาคาร แต่เป็น “เครือข่ายการชำระเงินระดับโลก (Payment Network)” ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างธนาคารผู้ออกบัตร ร้านค้า และผู้ถือบัตร ให้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

พูดง่ายๆ ก็คือ ธนาคารเป็นคน “ออกบัตร” ส่วน Visa หรือ Mastercard เป็น “ระบบเบื้องหลัง” ที่ทำให้คุณสามารถรูดซื้อของ ชำระออนไลน์ หรือถอนเงินได้ทั่วโลก

• Visa Inc. ก่อตั้งในปี 1958 (เริ่มต้นในชื่อ BankAmericard) ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
• Mastercard Incorporated ก่อตั้งในปี 1966 (เริ่มต้นจากสมาคมบัตรเครดิตหลายธนาคารในสหรัฐฯ) มีสำนักงานใหญ่ที่ เมืองเพิร์ชเชส รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

Visa กับ Mastercard ต่างกันอย่างไร?

ในทางเทคนิค ทั้งสองเครือข่ายมีระบบที่ใกล้เคียงกันมาก แต่ก็มีความแตกต่างในบางด้านที่ควรรู้ เช่น

• เครือข่ายทั่วโลก: Visa ให้บริการในกว่า 200 ประเทศ ส่วน Mastercard ครอบคลุมกว่า 210 ประเทศ เรียกได้ว่าทั้งคู่มีเครือข่ายขนาดใหญ่ระดับโลก
• อัตราแลกเปลี่ยน: Visa และ Mastercard มีอัตราแลกเปลี่ยนของตนเอง ทำให้ยอดใช้จ่ายในต่างประเทศอาจแตกต่างกันเล็กน้อย
• สิทธิประโยชน์: แต่ละบริษัทมีโปรโมชั่นเฉพาะ เช่น ส่วนลดร้านอาหาร ประกันเดินทาง หรือสิทธิ์เข้าเลานจ์สนามบิน ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของบัตรและธนาคารผู้ออกบัตร
• ระบบความปลอดภัย: Visa ใช้เทคโนโลยี Visa Secure ส่วน Mastercard ใช้ระบบ Mastercard Identity Check ทั้งคู่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการชำระเงินออนไลน์

เจ้าไหน “ใหญ่กว่า” ระหว่าง Visa กับ Mastercard?

ในแง่ของ “ขนาดบริษัทและจำนวนธุรกรรม” ปัจจุบัน Visa ถือว่าใหญ่กว่า Mastercard อย่างชัดเจน ทั้งในด้านมูลค่าตลาด (Market Cap) และจำนวนการทำธุรกรรมทั่วโลก

ข้อมูลจากสื่อการเงินต่างประเทศระบุว่า Visa มีมูลค่าตลาดมากกว่า 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ Mastercard อยู่ที่ราว 400,000 ล้านดอลลาร์ โดย Visa ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% ของธุรกรรมบัตรเครดิตทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม Mastercard ก็มีจุดแข็งด้านเทคโนโลยีการชำระเงินดิจิทัล เช่น ระบบ Tap & Go และการพัฒนาโซลูชันสำหรับฟินเทค ซึ่งทำให้มีอัตราการเติบโตสูงและเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งของ Visa

ควรเลือกใช้ Visa หรือ Mastercard ดีกว่ากัน?

คำตอบคือ “ทั้งคู่ดีพอกัน” เพราะในชีวิตประจำวันแทบไม่มีความแตกต่างในการใช้งาน ไม่ว่าจะรูดซื้อสินค้าภายในประเทศ ชำระเงินออนไลน์ หรือใช้ในต่างประเทศ

สิ่งที่ควรพิจารณาจริงๆ คือ “สิทธิประโยชน์ที่ธนาคารให้” มากกว่า เช่น โปรโมชั่นเฉพาะร้านค้า การผ่อน 0% หรือสิทธิ์สะสมคะแนน เพราะธนาคารเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขของบัตร ไม่ใช่ตัวเครือข่าย Visa หรือ Mastercard โดยตรง

บทสรุป Visa ใหญ่กว่า แต่ทั้งคู่ใช้ได้ทั่วโลก

สรุปง่ายๆ คือ Visa มีขนาดธุรกิจและส่วนแบ่งตลาดใหญ่กว่า Mastercard แต่ในแง่ของการใช้งานจริง ทั้งสองระบบแทบไม่ต่างกันในชีวิตประจำวัน บัตรทั้งสองสามารถใช้จ่าย ถอนเงิน หรือทำธุรกรรมได้ในเกือบทุกประเทศทั่วโลก

ดังนั้น เวลาจะเลือกบัตรสักใบ ไม่จำเป็นต้องยึดติดว่าต้องเป็น Visa หรือ Mastercard แต่ควรดูสิทธิประโยชน์ โปรโมชั่น และความคุ้มค่าที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณมากกว่าv