อินทผลัม มีลักษณะคล้ายเชอรี่มีเมล็ดเดียว ผิวเหนียวหวาน นิยมนำมารับประทานสดหรือผ่านการตากจนแห้ง เนื้อมีทั้งนิ่มและหนึบ รสชาติมักหวานกลมกล่อม แต่บางพันธุ์อาจให้รสเปรี้ยวเล็กน้อยเมื่อกัดขวาง ต่างจากการกัดตามแนวยาวที่ปล่อยความหวานชัดเจน พันธุ์ยอดนิยมอย่าง Medjool มักนุ่มหวานและกลิ่นหอมละมุน ในขณะที่พันธุ์ Deglet Noor กลับให้เนื้อแน่นและรสหวานเคี้ยวสนุก

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรอธิบายว่า สาเหตุที่อินทผลัมสด "กัดแนวยาวแล้วหวาน กัดแนวขวางแล้วฝาด" นั้น มาจากโครงสร้างภายในของผลไม้ชนิดนี้ โดยหากกัดตามยาวในแนวเดียวกับผล ฟันจะเจอกับส่วนที่มีน้ำตาลธรรมชาติมากที่สุด จึงให้รสหวานชัดเจน แต่ถ้ากัดขวางหรือแนวนอน เราจะสัมผัสกับเส้นใยและชั้นเรซินรอบเมล็ด ซึ่งมีแทนนินอยู่สูง สารเดียวกับที่ทำให้ลูกพลับดิบหรือเปลือกกล้วยมีรสฝาดนั่นเอง ความแตกต่างของรสชาติในแต่ละทิศทางการกัดนี้ ถือเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้อินทผลัมสดมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนผลไม้อื่นในโลก

คุณค่าทางโภชนาการ : มากกว่าความหวานเ

• ไฟเบอร์สูง ประมาณ 7 กรัมต่อ 100 กรัม ช่วยระบบย่อยอาหารให้คล่อง และเชื่อมโยงกับการลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง เช่น ความดัน โลหิตสูง และหัวใจ 

• มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ฟลาโวนอยด์, คาโรทีนอยด์ และกรดฟีนอลิก ซึ่งช่วยลดการอักเสบ ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง หัวใจ และโรคอัลไซเมอร์ 

อินทผลัมกับโรคมะเร็ง

อินทผาลัม มีสารธรรมชาติชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "เอทิล อะซีเตต (Ethyl Acetate)" ซึ่งจากงานวิจัยหลายฉบับพบว่า สารตัวนี้มีคุณสมบัติเฉพาะที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ ดังนั้น การรับประทานอินทผาลัมอย่างสม่ำเสมอ จึงอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้ในระดับหนึ่ง

อินทผลัมกับโรคเบาหวาน หวานแต่ปลอดภัย

แม้จะมีน้ำตาลสูง แต่ดัชนีน้ำตาล (glycemic index) ของอินทผลัมอยู่ในระดับต่ำ จึงไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างฉับพลันทันที อินทผาลัมเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยชะลอกระบวนการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด จึงไม่ทำให้ระดับน้ำตาลพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนอาหารหวานทั่วไป การรับประทานอินทผาลัมในรูปแบบผลสด จึงอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งยังจัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เหมาะกับผู้ควบคุมน้ำตาลหรือผู้ป่วยเบาหวานในบางกรณี