หลายงานวิจัยยืนยันว่า แค่รักษานิสัย “กินไข่ทุกเช้า” ต่อเนื่องไม่ถึง 6 เดือน ร่างกายก็สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนด้านสุขภาพได้ ไม่แปลกที่นักโภชนาการจำนวนมากแนะนำให้มีเมนูไข่ในมื้อเช้าทุกวัน

ไข่เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน โดยเฉพาะในวัยกลางคนที่มักเผชิญภาวะมวลกล้ามเนื้อลดลง โปรตีนจากไข่ช่วยชะลอการสูญเสียกล้ามเนื้อ และส่งเสริมการฟื้นฟูรวมถึงรักษากล้ามเนื้อให้แข็งแรง เหมาะทั้งกับผู้สูงอายุและคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ

นอกจากนี้ การกินไข่ในมื้อเช้ายังช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี เพราะโปรตีนทำให้อิ่มนาน ลดความอยากอาหารในมื้อถัดไป รวมถึงช่วยลดการกินของหวานหรือของทอดที่ทำให้ร่างกายสะสมไขมันส่วนเกิน

อีกจุดเด่นของไข่คือช่วยบำรุงสมอง สารโคลีน (Choline) ในไข่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการสร้างสารสื่อประสาทอะซิติลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความจำและสมาธิ งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า ผู้ที่ได้รับโคลีนเพียงพอจะมีแนวโน้มชะลอภาวะความจำเสื่อมได้ดีกว่า

ในยุคที่ทุกคนใช้โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา ไข่ยังช่วยดูแล “ดวงตา” เพราะมีลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องจุดรับภาพ ลดความเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อมและต้อกระจก

ทางด้านหัวใจและหลอดเลือด นักวิทยาศาสตร์หลายคนชี้ว่า ไข่ (โดยเฉพาะไข่ที่มีโอเมก้า 3 สูง) ช่วยปรับสมดุลไขมันในเลือด ลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL-C) และไตรกลีเซอไรด์ จึงช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและหัวใจได้

สุดท้าย ไข่ยังเป็น “เพื่อนซี้ของผิวและเส้นผม” เพราะอุดมไปด้วยไบโอติน (วิตามิน H) และสารประกอบกำมะถันจากธรรมชาติ ที่ช่วยบำรุงรากผม เสริมการฟื้นฟูผิว ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย

สรุปแล้ว การกินไข่เป็นประจำทุกเช้าช่วยให้สุขภาพดีขึ้นใน 6 ด้านหลัก ได้แก่

1. รักษามวลกล้ามเนื้อ

2. ควบคุมน้ำหนัก

3. เสริมความจำและสมาธิ

4. ปกป้องสายตา

5. ลดไขมันในเลือด

6. บำรุงผิวและเส้นผม

แต่อย่าลืมว่า “ของดีต้องกินให้พอดี” ผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงหรือโรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดปริมาณไข่ที่เหมาะสมกับร่างกาย

(ที่มาและภาพ: Sohu)