เด็กหญิงวัย 14 ปีมีปัญหาสุขภาพลำไส้อย่างรุนแรง เพราะแม่ทำงานยุ่งเกินไป แพทย์เตือน 5 เมนูที่ไม่ควรให้เด็กกินในมื้อเช้า

ทุกเช้า หลายครอบครัวมักเร่งรีบไปทำงานและไปโรงเรียน จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับอาหารเช้า เด็กบางคนเพียงแค่กินขนมปังหรือดื่มนมกล่องแล้วรีบออกจากบ้าน อย่างไรก็ตาม การละเลยอาหารเช้าหรือรับประทานไม่ถูกวิธีอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกับเด็กที่อยู่ในวัยเติบโต

กรณีของเด็กหญิงวัย 14 ปีรายหนึ่ง เป็นตัวอย่างที่ควรระวัง เธอมีปัญหาด้านการย่อยอาหารเนื่องจากรับประทานอาหารเช้าไม่เหมาะสม แม่ของเธอเป็นคนขยันและมีงานยุ่ง ทำให้บ่อยครั้งปล่อยให้ลูกกินอาหารสำเร็จรูปหรือของกินง่าย ๆ จนวันหนึ่งเด็กมีอาการปวดท้องรุนแรง ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล หลังตรวจพบว่าอาการดังกล่าวมาจากพฤติกรรมการกินอาหารเช้าที่ไม่ดีต่อเนื่องเป็นเวลานาน

ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการแนะนำให้ผู้ปกครองใส่ใจอาหารเช้าของลูก โดยมี 5 ประเภทอาหารที่ไม่ควรให้เด็กกินในมื้อเช้า ได้แก่

1. ไข่ที่ยังไม่สุกดี
   บางครอบครัวนิยมให้เด็กกินไข่ลวกหรือไข่ดิบ ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ควรปรุงให้สุกก่อนรับประทานทุกครั้ง

2. นมที่มีส่วนผสมของสารปรุงแต่ง
   นมรสหวานหรือนมแต่งกลิ่นอาจมีน้ำตาลและสารปรุงแต่งจำนวนมาก เด็กควรดื่มนมสดธรรมชาติหรือนมรสจืดเพื่อความปลอดภัย

3. อาหารที่ค้างคืน
   อาหารที่เก็บไว้ข้ามคืน แม้จะอุ่นร้อนอีกครั้งก็อาจมีเชื้อแบคทีเรียหลงเหลืออยู่ โดยเฉพาะอาหารที่มีผักหรือไขมันสูง อาจทำให้เกิดปัญหาการย่อยอาหารได้

4. อาหารที่มีน้ำตาลสูง
   ขนมหวาน เครื่องดื่มรสหวาน หรือโยเกิร์ตที่มีน้ำตาลมาก ทำให้เด็กได้รับพลังงานส่วนเกินและขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย

5. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและอาหารแปรรูป
   อาหารเหล่านี้มักมีโซเดียมและไขมันสูง หากกินบ่อยอาจกระทบต่อระบบย่อยอาหารและสุขภาพโดยรวม ควรให้เด็กกินเฉพาะบางครั้งในปริมาณน้อย
   

ผู้เชี่ยวชาญเน้นว่า อาหารเช้าเป็นมื้อสำคัญของวัน ควรเลือกอาหารที่สดใหม่ สะอาด และมีคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อให้เด็กเติบโตแข็งแรงและมีพลังในแต่ละวัน