หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที!

“ตับ” เป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่กรองของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย รวมถึงช่วยควบคุมการเผาผลาญพลังงานและสร้างน้ำดีเพื่อย่อยอาหาร แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ โรคตับส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก
จนกระทั่งตับเริ่มถูกทำลายไปมากแล้วจึงค่อยมีสัญญาณเตือนปรากฏขึ้น

แพทย์จึงเตือนว่า หากร่างกายเริ่มมีอาการเหล่านี้ ควรรีบตรวจสุขภาพตับโดยด่วน เพราะอาจหมายถึง “ภาวะตับถูกทำลายขั้นรุนแรง” ได้

---

1. ตัวเหลือง ตาเหลือง

นี่คือสัญญาณชัดเจนของโรคตับ เพราะตับไม่สามารถกำจัด “บิลิรูบิน (Bilirubin)” ได้ตามปกติ ทำให้สารนี้สะสมในเลือดและแสดงออกทางผิวหนังและดวงตา หากปล่อยไว้นานอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

---

2. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายแม้ไม่ได้ออกแรงมาก

เมื่อการทำงานของตับลดลง ร่างกายจะสะสมของเสียและสารพิษ ทำให้รู้สึกเหนื่อย ไม่มีแรง และมักง่วงซึมตลอดวัน

---

3. ปวดแน่นชายโครงขวา หรือท้องบวมผิดปกติ

ตับอยู่บริเวณชายโครงขวา หากตับอักเสบหรือโตขึ้นจะทำให้รู้สึกปวดแน่น หรือท้องเริ่มบวมแข็ง ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงภาวะตับแข็งหรือน้ำในช่องท้อง

---

4. ผิวหนังคัน มีผื่น หรือจ้ำเลือดง่าย

เมื่อตับทำงานผิดปกติ สารพิษจะสะสมในกระแสเลือด ทำให้เกิดอาการคันตามผิวหนัง และอาจมีรอยช้ำหรือเลือดออกง่าย เพราะตับไม่สามารถสร้างโปรตีนที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือดได้เพียงพอ

---

5. ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด

สีของปัสสาวะและอุจจาระสามารถบอกสุขภาพตับได้ หากปัสสาวะมีสีเข้มกว่าปกติหรืออุจจาระมีสีอ่อนซีด อาจเป็นสัญญาณว่าตับไม่สามารถกำจัดสารสีเหลืองได้ตามปกติ