ปลานับเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 วิตามิน แคลเซียม และธาตุเหล็ก สามารถปรุงอาหารได้หลากหลาย ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ เหมาะกับทุกคนในครอบครัว

แต่ปลาที่สดใหม่เท่านั้นที่อร่อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นปลาจากธรรมชาติหรือปลาที่เลี้ยงในฟาร์ม ปลาสดจะอุดมด้วยสารอาหารมากที่สุด

เมื่อไปตลาด ผู้บริโภคควรสังเกตและเลือกปลาอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงปลาที่ไม่สด ปลาคุณภาพต่ำ หรือแม้แต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

5 ประเภทปลาที่ไม่ควรซื้อ

1. ปลามีกลิ่นเหม็น
   ปลาจะมีกลิ่นคาวตามธรรมชาติ แต่ถ้ากลิ่นคาวแรงจนได้กลิ่นชัดเจนตั้งแต่ระยะไกล นั่นคือสัญญาณว่าปลาไม่สด หรือถ้าปลามีกลิ่นน้ำมันหรือกลิ่นคล้ายสารเคมี ต้องหลีกเลี่ยงทันที เพราะอาจมาจากแหล่งน้ำสกปรก หรือมีสารฟอร์มาลดีไฮด์เพื่อยืดอายุ

2. ปลาลอกเกล็ด ผิวหมองคล้ำ
   ปลาที่ไม่สด เกล็ดจะหลุดง่ายและผิวไม่สดใส ปลาแบบนี้มักมีแบคทีเรียสะสม ส่งผลเสียต่อรสชาติและสุขภาพ ควรเลือกปลาที่เกล็ดยึดแน่น ผิวมันเงา สดใส

3. ตาปลาขุ่น เหงือกดำ
   ปลาสดจะมีตาใสและเหงือกสีแดงชมพู หากตาปลาขุ่น หรือเหงือกดำคล้ำ แสดงว่าปลานั้นไม่สด สามารถสังเกตจากลักษณะภายนอกเพื่อคัดกรองปลาได้

4. ปลาท้องพอง
   ปลาท้องพองไม่ได้หมายความว่าปลาอ้วนหรืออร่อยเสมอไป อาจเป็นสัญญาณว่าปาเสียหรือมีแบคทีเรียสะสม แม้ปรุงสุกก็ยังเสี่ยงต่อสุขภาพ

5. ปลาที่แช่แข็งนานเกินไป
   การแช่แข็งช่วยเก็บความสดได้นาน แต่ถ้าเก็บนานเกินไป เนื้อปลาจะขาว ฟู และสูญเสียสารอาหาร บางครั้งมีการใส่ฟอร์มาลดีไฮด์เพื่อยืดอายุ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย

เคล็ดลับเลือกปลาสด

• เลือกปลาที่ว่ายน้ำแข็งแรง เกล็ดและผิว intact

• หลีกเลี่ยงปลาที่มีเกล็ดหลุด ขี้กลาก หรือมีแผล

• ถ้าเป็นปลาที่หั่นแล้ว ให้สังเกตเนื้อ: สีชมพูสด มีเลือดซึมเล็กน้อย กดลงไปเด้งตัว ไม่มีกลิ่นเหม็น เนื้อแน่นและเรียบสม่ำเสมอ

การสังเกตง่ายๆ เหล่านี้ จะช่วยให้คุณซื้อปลาสด ปลอดภัย และอร่อยได้ทุกครั้ง