กรณีของหญิงวัย 58 ปีรายหนึ่งในจังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทย ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางหลังมีการเปิดเผยว่าเธอเลือกกินเพียง “ข้าวโพดต้ม” เป็นอาหารหลักในทุกมื้อ ทั้งเช้า กลางวัน และเย็น ติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 1 ปีเต็ม โดยไม่แตะต้องอาหารประเภทอื่นเลย

เมื่อเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไป หลายคนตั้งคำถามว่า การบริโภคอาหารชนิดเดียวซ้ำ ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานเช่นนี้จะส่งผลอย่างไรต่อร่างกาย และเมื่อหญิงรายนี้เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี ผลที่ออกมากลับสร้างความประหลาดใจให้ทั้งแพทย์และคนรอบข้าง

---

พฤติกรรมการกินที่ไม่เหมือนใคร

หญิงรายนี้เปิดเผยว่า ตนเริ่มกินข้าวโพดต้มแทนอาหารหลักตั้งแต่หลังเกษียณ เนื่องจากรู้สึกว่าเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ไม่มัน ไม่เค็ม และไม่หวาน อีกทั้งยังสะดวกในการเตรียมอาหาร เธอจะต้มหรือปิ้งข้าวโพดไว้ในตอนเช้า จากนั้นรับประทานทั้งวันโดยไม่ปรุงรสเพิ่มเติม

“ตอนแรกกินเพราะขี้เกียจทำกับข้าว แต่พอกินไปเรื่อย ๆ รู้สึกสบายท้อง น้ำหนักลดลง นอนหลับดี เลยกินแบบนี้มาตลอด”
หญิงวัย 58 ปีกล่าว

---

การตรวจสุขภาพหลังผ่านไป 1 ปี

หลังจากผ่านไปครบหนึ่งปี เธอได้ไปตรวจสุขภาพตามปกติที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ซึ่งผลตรวจของเธอสร้างความประหลาดใจให้แพทย์

ผลที่พบ ได้แก่

• น้ำหนักลดลงจาก 68 กิโลกรัม เหลือ 55 กิโลกรัม

• ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ

• ความดันโลหิตอยู่ในระดับดี

• ไขมันในเลือดลดลงอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตาม ผลตรวจยังพบว่า

• มีภาวะขาดโปรตีนบางส่วน

• ค่าเหล็กและวิตามินบี 12 ต่ำกว่ามาตรฐาน

• กระดูกเริ่มมีภาวะพรุนเล็กน้อยเนื่องจากขาดแคลเซียมและวิตามินดี

---

ความเห็นจากแพทย์ผู้ตรวจ

แพทย์เจ้าของไข้ให้ข้อมูลว่า การกินข้าวโพดต้มเพียงอย่างเดียวในระยะยาว แม้จะไม่ก่อให้เกิดโรคร้ายในทันที แต่ถือว่าไม่สมดุลทางโภชนาการ เพราะข้าวโพดจัดอยู่ในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน มีไฟเบอร์และน้ำตาลธรรมชาติสูง แต่มีโปรตีนและไขมันต่ำ

“ผลลัพธ์ที่ดูเหมือนดี เช่น น้ำหนักลดหรือความดันปกติ ไม่ได้หมายความว่าร่างกายแข็งแรงจริง เพราะภาวะขาดสารอาหารจะค่อย ๆ แสดงผลในระยะยาว เช่น ภูมิคุ้มกันลดลง กล้ามเนื้อลีบ หรือเกิดโรคกระดูกพรุน”
แพทย์กล่าวเพิ่มเติม

---

ข้าวโพดให้คุณค่าอย่างไร

ข้าวโพดต้มมีคุณค่าทางโภชนาการในระดับหนึ่ง โดยให้พลังงานเฉลี่ย 96 กิโลแคลอรีต่อฝัก ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต วิตามินเอ วิตามินซี และใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย แต่สารอาหารเหล่านี้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน โดยเฉพาะโปรตีน ไขมันดี เหล็ก และแคลเซียม

ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการแนะนำว่า หากต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหาร สามารถใช้ข้าวโพดเป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหารได้ แต่ควรรับประทานร่วมกับอาหารอื่น เช่น ไข่ต้ม เต้าหู้ หรือผักใบเขียว เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน

---

ข้อสรุปจากกรณีศึกษา

กรณีของหญิงวัย 58 ปีรายนี้ถือเป็นตัวอย่างของ “ความเข้าใจผิดด้านสุขภาพ” ที่เกิดจากการมองอาหารชนิดเดียวว่าดีต่อร่างกายโดยไม่คำนึงถึงความสมดุลทางโภชนาการ แม้ว่าข้าวโพดต้มจะเป็นอาหารธรรมชาติและมีประโยชน์ในระดับหนึ่ง แต่การกินเพียงอย่างเดียวติดต่อกันนาน ๆ จะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารสำคัญหลายชนิด

แพทย์ย้ำว่า การดูแลสุขภาพให้ยั่งยืนควรยึดหลัก “กินให้หลากหลาย ครบ 5 หมู่” และตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน และสามารถป้องกันโรคในระยะยาวได้อย่างแท้จริง