สุขภาพ 07/11/2025 09:09

ห้ามกินขิงถ้ามีโรคเหล่านี้! หมอเตือน “ของดี” ก็กลายเป็นพิษได้ ถ้ากินผิดคน

“ขิง” เป็นสมุนไพรที่คนไทยรู้จักกันดีมานานนับพันปี ใช้ได้ทั้งในอาหารและเป็นยารักษาโรค ช่วยแก้คลื่นไส้ ขับลม ลดการอักเสบ และยังมีฤทธิ์ต้านมะเร็งอีกด้วย แต่รู้หรือไม่ว่า… ถึงขิงจะมีประโยชน์มากมายแค่ไหน มันก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไป!
Tránh xa gừng nếu bạn mắc các bệnh sau kẻo ‘hối không kịp’

ในบางกรณี “ขิง” อาจกลายเป็นอันตรายโดยที่เราไม่รู้ตัว โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือกำลังใช้ยาบางชนิดอยู่ คุณหมอเตือนว่า หากฝืนกินต่อไป อาจเสี่ยงถึงชีวิตได้เลยทีเดียว

1. ผู้ที่กินยาละลายลิ่มเลือด

ขิงมีคุณสมบัติช่วยให้เลือดไหลเวียนดี แต่ในขณะเดียวกันก็มีฤทธิ์ “ทำให้เลือดเหลว” ดังนั้นผู้ที่กำลังรักษาโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด หรือรับประทานยาละลายลิ่มเลือด (เช่น วาร์ฟาริน แอสไพริน ฯลฯ) ควรหลีกเลี่ยงการกินขิงโดยเด็ดขาด

เพราะขิงอาจไป “เสริมฤทธิ์ยา” ทำให้เลือดออกง่าย หยุดยาก เสี่ยงต่อภาวะเลือดออกภายในที่อันตรายถึงชีวิต

2. ผู้ป่วยเบาหวานที่กำลังกินยา

แม้ว่าขิงจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่สำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่กำลังใช้ยา เช่น เมตฟอร์มิน หรืออินซูลิน ขิงอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือด “ลดต่ำเกินไป” จนเกิดอาการหน้ามืด เหงื่อออก หรือช็อกได้

ก่อนจะดื่มน้ำขิงหรือต้มน้ำขิงกินเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับขนาดยาให้เหมาะสม

3. ผู้ที่มีปัญหา “ความดันโลหิตสูง”

ยาบางกลุ่มที่ใช้รักษาความดันโลหิตสูง เช่น ยากลุ่มแคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ (Norvasc, Cardizem) หากกินร่วมกับขิงอาจทำให้หัวใจเต้นช้าผิดปกติ หรือความดันลดต่ำเกินไป จนถึงขั้นหน้ามืดหมดสติได้

ดังนั้นคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงควรหลีกเลี่ยงขิง หรือปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

4. คนที่เป็น “นิ่วในถุงน้ำดี”

ขิงมีฤทธิ์กระตุ้นให้ร่างกายสร้างน้ำดีมากขึ้น ซึ่งในคนทั่วไปไม่เป็นปัญหา แต่สำหรับผู้ที่มี “นิ่วในถุงน้ำดี” การสร้างน้ำดีมากเกินไปอาจทำให้นิ่วเคลื่อนตัว จนไปอุดตันทางเดินน้ำดี เกิดอาการปวดเฉียบพลัน หรืออักเสบได้

5. ผู้ที่มีไข้สูง

ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ “ร้อน” ถ้าใช้ในขณะที่มีไข้สูงจะยิ่งทำให้ร่างกายร้อนมากขึ้น จนอาจเกิดภาวะเส้นเลือดฝอยแตก หรือเลือดออกภายในได้

6. ผู้ป่วยโรคตับ

ขิงกระตุ้นให้เซลล์ตับทำงานมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เซลล์ตับในผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบหรือโรคตับเรื้อรังถูกทำลายเร็วกว่าเดิม จึงไม่แนะนำให้กินขิงในกรณีที่เป็นโรคตับโดยเด็ดขาด

7. ผู้ที่เป็น “โรคลำไส้หรือกระเพาะอาหารอักเสบ”

สารสำคัญในขิงจะไปกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะและลำไส้ หากรับประทานในขณะมีแผลในกระเพาะอาหารหรือโรคลำไส้อักเสบ จะทำให้แสบร้อนและเกิดแผลลึกมากขึ้น

8. ผู้ที่ “แพ้ร้อน” หรือ “เป็นลมแดดง่าย”

ขิงเหมาะกับคนที่เป็นหวัดหรือโดนฝน แต่ไม่เหมาะกับคนที่เป็น “ลมแดด” หรือ “ร่างกายร้อนจัด” เพราะขิงจะยิ่งทำให้ความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้น เสี่ยงหมดสติได้ง่าย

9. หญิงตั้งครรภ์ (โดยเฉพาะใกล้คลอด)

หลายคนเชื่อว่าขิงช่วยลดอาการแพ้ท้อง แต่ในบางกรณีขิงอาจส่งผลต่อฮอร์โมนของทารก และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกมากในช่วงคลอด

แม้ว่ายังไม่มีข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์แน่ชัด แต่แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้ หลีกเลี่ยงขิงในช่วงใกล้คลอด เพื่อความปลอดภัยของแม่และลูก

สรุป

ขิงเป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์มากมายก็จริง แต่ “ของดี” ถ้าใช้ผิดวิธี หรือกินในช่วงที่ร่างกายไม่เหมาะสม ก็อาจกลายเป็นพิษได้เช่นกัน ก่อนรับประทานขิงเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะหากคุณมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาอย่างต่อเนื่อง

“กินให้ถูกเวลา เหมาะกับร่างกายตัวเอง” คือกุญแจสำคัญของสุขภาพที่ยั่งยืน.

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่