ศูนย์ข่าวกรองอาชญากรรมสัตว์ป่า ชี้ ไทยเป้าหมายต้นๆของโลกทางผ่านค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ อินเดียมาแรง ให้เที่ยวไทยฟรีแถมเงินใช้วันละ300 ขนสัตว์กลับด้วย พยายามกันสุดๆยัดลูกงู 3-4ตัวใส่กางเกงใน แต่ไม่พ้นตม.ไทย
วันที่ 31 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้บริหารหน่วยงานของประเทศไทยได้รับรางวัล Clark R Bavin Wildlife LAW Enforcement Award จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ อดีตผู้บังคับการกองบังคับปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ซึ่งรางวัลดังกล่าว มอบให้กับบุคคล องค์กร และหน่วยงานที่มีความโดดเด่นในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมสัตว์ป่าและพืชป่า

นายอรรถพล กล่าวถึงสถานการณ์ค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ โดยยืนยันว่าประเทศไทยยังถูกใช้เป็นทางผ่านเท่านั้น และภายใต้การทำงานของเครือข่ายการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสัตว์ป่าและพืชป่าแห่งประเทศไทย (Thailand-Wen) ช่วง 5 ปี มีความแม่นยำมากขึ้นในการส่งข่าวกรอง และสกัดกั้นการนำเข้า ส่งออกสัตว์ป่าจับและยึดสัตว์ป่ากว่า 100 คดี
โดยเคสล่าสุด คือ การจับกุมจับชายชาวเวียดนาม ลักลอบขนนอแรดน้ำหนัก 7 กิโลกรัมที่ถูกตัดออกเป็น 5 ชิ้น มีการซุกซ่อนอย่างแนบเนียนในท่อนไม้ที่ถูกเจาะและเชื่อมปิดอย่างมิดชิด โดยจับได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนจะหลุดไปยังประเทศที่สาม
อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบนอแรด 2 ใน 5 นอถูกฝังไมโครชิปจากประเทศนามิเบีย นั่นหมายความว่า “เจ้าของนอ” ตัวนี้มาจากธรรมชาติ และถูกพรากชีวิตจากขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ ที่อยู่ระหว่างการขยายผลทางคดี
นายอรรถพล กล่าวว่า ในช่วง 1-2 ปีนี้ การลอบค้าสัตว์ป่าไปยังประเทศอินเดีย กำลังมาแรง โดยมาในรูปแบบนักท่องเที่ยว และลอบขนส่งสัตว์ป่า สัตว์แปลกขนาดเล็ก สัตว์เลื้อยคลาน ออกทางสายการบินมากขึ้น วิธีการทำงานจากต้นทางคือ สถานทูตอินเดีย และองค์การสัตว์ป่าและพืชป่าหายากระหว่างประเทศ หรือ ไซเตส จะแจ้งข้อมูลกับไทย หากผู้ต้องสงสัยเดินทางเข้ามาไทยเพื่อให้ติดตามตัวจนสกัดจับได้หลายคดี
Advertisement
“โดยชาวอินเดียจะมาในรูปแบบของนักท่องเที่ยวทั้งมาคนเดียว มาแบบคู่ และมาแบบครอบครัว โดยมีนายหน้า ซึ่งพบมีคนไทยร่วมขบวนการให้มาเที่ยวฟรี จ่ายเบี้ยเลี้ยงให้วันละ 300 บาท แต่ขากลับฝากกระเป๋าขนสัตว์ป่าออกไปด้วย” นายอรรถพล กล่าว
นายพลวีร์ บูชาเกียรติ ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวกรองอาชญากรรมสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช วิเคราะห์คดีค้าสัตว์ป่าไทย-อินเดีย ซึ่งยกระดับเป็นคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เฉพาะเคสลอบขนสัตว์ป่าทางอากาศของอินเดียในช่วง 2 ปี ของ 2567-2568 ยึดสัตว์ป่า 1,092 ตัวใน 96 คดี ผู้ต้องหาชาวอินเดีย 130 คน มูลค่าราว 40-50 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงู สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์แปลก อีกัวนา ตัวคัสคัส นก แมลง เต่าดาวอินเดีย เฉพาะแพนด้าแดงก็ราคานับล้านบาท จุดหมายปลายทางผ่านสนามบินไทยไป 3-4 สนามบินปลายทางอินเดียคือบังกะลอร์ เชนไน มุมไบ
นายพลวีร์ กล่าวว่า เหตุที่อินเดียกลายเป็นปลายทางอาชญากรรมค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ ส่วนหนึ่งเกิดจากแฟชัน อินฟลูเอนเซอร์ การเปิดสวนสัตว์ขนาดเล็ก ทำให้เครือข่ายค้าสัตว์ป่าชาวอินเดียเดินทางมาไทย เพราะต้นทุนลักลอบขนส่งจะถูกกว่าขออนุญาตในอินเดีย ที่มีเงินก็อาจจะซื้อไม่ได้
ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวกรองอาชญากรรมสัตว์ป่า กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า พบรูปแบบการทำงานที่น่าสนใจ บางเคสมาเป็นครอบครัว 7-8 คน แต่เคสนี้ไม่รอดยึดสัตว์ป่าได้ 87 ตัว ซุกซ่อนสัตว์ในกระเป๋าเดินทาง ส่วนบางรายก็เนียนแอบซุกสัตว์ตามร่างกาย เช่น งูตัวเล็ก 3-4 ตัวในกางเกงชั้นใน แต่โชคดีที่สายข่าวแจ้งเบาะแสมาแล้ว เมื่อตรวจเอกซเรย์สัมภาระกระเป๋าไม่เจอ ก็ขอตรวจค้นก็พบสัตว์ซ่อนอยู่จริงๆ โดยก่อนหน้านี้นอกจากงูตัวเล็กๆก็ยังมีการแอบซุกลูกงูเหลือม ใส่ในกางเกงในมาแล้วอีกด้วย

นายพลวีร์ กล่าวว่า กล่าวว่า ตรวจค้นของไทย การเอกซเรย์ตามด่านอากาศมีความสำคัญมาก ต้องมีการคัดกรองก่อนที่สัตว์ที่ถูกซุกซ่อนจะหลุดออกไป แต่ก็พบว่ามีหลุดออกไป 30% เจ้าหน้าที่จึงต้องอบรมเจ้าหน้าที่ ซักซ้อมปรับการทำงานร่วมกับต้นทาง นอกจากนี้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ยังได้ร่วมปฏิบัติการ Operation Thunder ทำงานร่วมกับ INTERPOL สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมศุลกากร ทำงานแบบจู่โจมบุกจับผู้ต้องสงสัย สกัดอาชญกรรมค้าสัตว์ป่าข้ามชาติอย่างเข้มข้น
ผลจากความร่วมมือในการปฏิบัติงานต่อต้านการค้าสัตว์ป่าของหน่วงานบังคับใช้กฏหมาย ของเครือข่าย Thailand-WEN (Thailand Wildlife Enforcement Network) ที่มีหน่วยงานความร่วมมือทั้ง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กรมศุลกากร กรมประมง กรมวิชาการเกษตร กรมปศุสัตว์ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) องค์ภาคเอกชน องค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงสายการบินต่าง ๆ
การลักลอบค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ ยังคงมีแนวโน้มเติบโตสูงเป็นอันดับ 4 ในการจัดอันดับอาชญากรรมข้ามชาติ โดยงาช้าง นอแรด ตัวลิ่น และเสือ ยังถูกล่าเอาชีวิตแลกเงิน ซึ่งไทยเป็น 1 ใน 67 ประเทศทั่วโลกที่ถูกใช้เป็นทางผ่าน มีการประเมินมูลค่าความเสียหายปีละ 3,000 ล้านบาท
