ข่าว 31/10/2025 06:37

ชายวัย 62 ปี ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ แพทย์ชี้ มาจาก 3 พฤติกรรมที่หลายคนมองข้าม

ชายวัย 62 ปี ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ แพทย์ชี้ ต้นเหตุมาจาก 3 พฤติกรรมเสี่ยงที่หลายคนมองข้าม ยิ่งทำสะสม ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 รายงานจากสื่อต่างประเทศ แพทย์ในจีนเปิดเผยกรณีการป่วยของ ชายวัย 62 ปีที่เสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้าย ทั้งที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยรับประทานอาหารหมักดอง ไม่กินเนื้อสัตว์แปรรูป และแทบไม่ดื่มสุรา ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับทีมแพทย์เป็นอย่างมาก


หลังการตรวจสอบสาเหตุ แพทย์ระบุว่า โรคของผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้เกิดจากอาหารที่รับประทาน แต่เกิดจาก “3 พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน” ที่ดูเหมือนไม่มีอันตราย แต่กลับค่อย ๆ ทำลายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว

1. นั่งนานหลังรับประทานอาหาร
สุภาษิตจีนมีคำกล่าวว่า “กินข้าวเสร็จเดินร้อยก้าว จะมีอายุยืนถึง 99 ปี” ซึ่งสะท้อนถึงประโยชน์ของการเคลื่อนไหวหลังมื้ออาหาร อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยรายนี้กลับมีนิสัยนั่งดูโทรทัศน์ทันทีหลังรับประทานอาหาร และแทบไม่ออกกำลังกาย

แพทย์อธิบายว่า การนั่งนานหลังรับประทานอาหารทำให้การไหลเวียนโลหิตช้าลง การบีบตัวของลำไส้ลดลง ส่งผลให้การย่อยอาหารไม่ดีและเกิดการสะสมของสารพิษในลำไส้ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่

งานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้ที่นั่งนิ่งมากกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่สูงกว่าผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอถึง 30%

แพทย์แนะนำว่า หลังมื้ออาหารควรเดินเบา ๆ ประมาณ 10–15 นาที หรือยืดกล้ามเนื้อเล็กน้อย เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้นและลดภาระของลำไส้
2. มื้อเช้าขาดสารอาหารและไฟเบอร์
ผู้ป่วยรายนี้มักรับประทานมื้อเช้าอย่างง่าย เช่น หมั่นโถว นม หรือปาท่องโก๋ โดยไม่มีผักหรือผลไม้เลย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่หลายคนมองว่า “ปกติ” แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นความเข้าใจผิด

แพทย์อธิบายว่า “ใยอาหาร” ทำหน้าที่เหมือนเครื่องกวาดล้างของลำไส้ ช่วยขับสารพิษและกระตุ้นการขับถ่าย หากได้รับใยอาหารไม่เพียงพอ อุจจาระจะตกค้างในลำไส้นาน ทำให้สารพิษมีเวลาทำลายเยื่อบุลำไส้มากขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงของการกลายพันธุ์ของเซลล์

งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า การรับประทานใยอาหารวันละประมาณ 25 กรัม สามารถลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ถึง 15–30%

แพทย์แนะนำให้เพิ่มอาหารจำพวกธัญพืช ผัก ผลไม้ ข้าวโอ๊ต หรือขนมปังโฮลวีตในมื้อเช้า เพราะเพียงการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยทุกวัน ก็ช่วยปกป้องลำไส้ได้ตลอดชีวิต


ภาพประกอบ

3. กลั้นอุจจาระบ่อยครั้ง
ด้วยภาระงานที่ยุ่ง ผู้ป่วยรายนี้มักฝืนไม่เข้าห้องน้ำเมื่อรู้สึกปวดท้อง โดยมักบอกตัวเองว่า “ขอทำงานให้เสร็จก่อน” จนกลายเป็นนิสัย ทำให้ลำไส้เสียการตอบสนองตามธรรมชาติ อุจจาระค้างในลำไส้นาน เกิดอาการท้องผูก อักเสบ และทำลายผนังลำไส้

สมาคมมะเร็งอเมริกันเตือนว่า การกลั้นอุจจาระบ่อย ๆ ทำให้ของเสียและสารพิษสะสมในลำไส้ ซึ่งเพิ่มโอกาสการเกิดเนื้องอกและมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร

คำแนะนำคือ ควรฟังสัญญาณของร่างกายและเข้าห้องน้ำให้ตรงเวลา แม้ในช่วงที่งานยุ่ง เพราะนี่คือวิธี “ล้างพิษ” ที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุด



ภาพประกอบ

แพทย์ผู้รักษากล่าวว่า ผู้ป่วยรายนี้คิดว่าตนเองมีวิถีชีวิตสุขภาพดีเพราะไม่ดื่มเหล้าและไม่กินอาหารเค็มจัด แต่กลับละเลยรายละเอียดเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งสุดท้ายกลายเป็น “ภัยเงียบ” ที่ทำลายสุขภาพอย่างช้า ๆ

มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ หากรักษาสมดุลในการรับประทานอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารที่มีใยอาหารเพียงพอ และขับถ่ายให้เป็นเวลา

อย่ารอจนกระทั่งแพทย์เตือนถึงเริ่มเปลี่ยน เพราะบางครั้ง สิ่งที่ทำร้ายเราที่สุด อาจไม่ใช่โรคภัย แต่อาจเป็น “วิถีชีวิตที่เราคิดว่าไม่เป็นไร” นั่นเอง

ขอบคุณที่มาจาก SOHA

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่